xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเพิกถอนหมายจับ “เทพไท” ฟังฎีกาหมิ่น “ปลอดประสพ” หลังเจ้าตัวแจงเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
ศาลเพิกถอนหมายจับ “เทพไท เสนพงศ์” คดีหมิ่น “ปลอดประสพ” หลังทนายยื่นถอนหมายจับในช่วงบ่าย แถลงไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ไม่ทราบนัด เนื่องจากไม่ได้พักตามที่อยู่ที่ศาลส่งหมาย นัดฟังฎีกาอีกครั้ง 10 มิ.ย. นี้

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ถูกศาลหมายออกหมายจับ ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อแถลงขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ ซึ่งให้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.858/2553 ที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พรรคเพื่อไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเทพไท เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2553 นายเทพไท ให้สัมภาษณ์ ทำนองว่า นายปลอดประสพ เป็นคนในระบอบทักษิณ ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณได้พิจารณายกฟ้องแล้ว เพราะเห็นว่าโจทก์เป็นนักการเมืองย่อมอยู่ในฐานะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ และจำเลยพูดในลักษณะการตั้งคำถามไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง ถือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม และพูดในสิ่งที่ตัวเองมีส่วนได้เสียในฐานะโฆษกประจำตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายเทพไท เพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เนื่องจากจำเลยไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง และ นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 10 มิ.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมา นายเทพไท แถลงต่อศาลว่า ตนไม่มีเจตนาหลบหนี เหตุที่ไม่มาศาลตามเวลานัด เนื่องจากหมายนัดที่แจ้งวันฟังคำพิพากษาที่ศาลส่งไปนั้นเป็นที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเลขที่บ้านดังกล่าวให้ธนาคารอิสลามเช่าเป็นทีทำการธนาคาร ที่จำเลยไม่ได้พักอาศัยแล้ว เพียงแต่มีชื่อในทะเบียนบ้าน โดยปัจจุบันจำเลยมาพักอาศัยบ้านพักในกทม. ซึ่งจำเลยไม่มีเจตนาจะหลบหนีที่ไม่มาฟังคำพิพากษา จึงขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับด้วย

ศาลพิจารณาแล้ว จึงอนุญาตให้เพิกถอนหมายจับ และนัดให้จำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนัดที่ 10 มิ.ย. นี้ เวลา 09.00 น.

ด้าน นายเทพไท กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงกรณีนี้ตนและทนายความไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้องฎีกาเพราะคิดว่าคดีนี้ถึงที่สุดแล้ว และขั้นตอนตามปกติการจะส่งฟ้องต่อในชั้นฎีกาต้องมีผู้พิพากษาองค์คณะที่พิจารณาในคดีนี้ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์เป็นผู้เซ็นรับรองว่ามีเหตุควรฎีกาได้ แต่ในคดีนี้

ไม่มีผู้พิพากษาท่านใดเซ็นรับรองฎีกาของโจทก์ แต่ได้ให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด ในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เห็นว่า คดีนี้อัยการไม่ใช่คู่ความ เพราะ นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นโจทก์ผู้ยื่นฟ้องต่อศาลเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น