xs
xsm
sm
md
lg

รวบแก๊งโบวี่ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์หลายคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รวบ “แก๊งโบวี่” ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่ทุ่งครุมาหลายคดี พบประวัติเพิ่งพ้นโทษจำคุกแต่กลับมาก่อเหตุอีก

วันนี้ (1 พ.ค) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ แถลงผลการจับกุม นายพิษณุ มงคลสุดสวาท หรือหวาน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.282/2558 ลงวันที่ 29 เม.ย. 58 ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และหมายศาลอาญาธนบุรี ที่ 283/2558 ลงวันที่ 29 เม.ย. 58 ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, นายดนุนัย กิมอ่วม หรืออ้วน อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.281/2558 ลงวันที่ 29 เม.ย. 58 ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และท้าวต๋อย เทพวงศา หรือต๋อย สัญชาติลาว อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 284/2558 ลงวันที่ 29 เม.ย. 58 ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแล็กซี่โน้ต 4 สีขาว 1 เครื่อง และจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีม่วง-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จับกุมผู้ต้องได้บริเวณบ้านเลขที่ 59 ซอยประชาอุทิศ 90 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม.

พ.ต.อ.เจษฎากล่าวว่า สืบเนื่องจากมีการก่อเหตุชิงทรัพย์ถึง 2 ครั้ง คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลาประมาณ 21.30 น. ขณะที่ผู้เสียหายขับขี่จักรยานยนต์มากับเพื่อนเข้ามาในซอยสุขสวัสดิ์ 64 (ซอยเล้าเป็ด) เพื่อไปที่ซอยประชาอุทิศ 69 เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนสามัคคีบำรุง แขวงบางมด เขตทุ่งครุ ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน คือนายพิษณุและนายต๋อยขับขี่จักรยานยนต์ปาดหน้า จากนั้นได้ข่มขู่ผู้เสียหายว่าหากไม่ให้สร้อยจะใช้มีดแทงก่อนกระชากเอาสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 สลึง 1 เส้น และชกต่อยเพื่อนผู้เสียหายที่ซ้อนท้ายเพื่อจะเอากระเป๋าสะพาย แต่ไม่สามารถเอาไปได้ ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนจะหลบหนีไป

พ.ต.อ.เจษฎากล่าวอีกว่า ส่วนคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เวลาประมาณ 10.00 น.ขณะที่ผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพเป็นพยาบาลกำลังเดินไปหยิบของที่บริเวณลานจอดรถ รพ.ประชาพัฒน์ ซอยสุขสวัสดิ์ 36 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ ได้เกิดเหตุนายพิษณุและนายดนุนัยขับขี่จักรยานยนต์มาจอดใกล้เคียงกับรถยนต์ของผู้เสียหาย และได้อาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายกำลังเผลอเข้าไปทำร้ายร่างกาย กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และพยายามที่จะดึงเอาโทรศัพท์มือถือจากผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายต่อสู้ นายวิษณุจึงเตะเข้าบริเวณต้นขาของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บเข่าขวากระดูกแตก ก่อนที่จะวิ่งไปซ้อนท้ายจักรยานยนต์ของนายดนุนัยหลบหนีไป

พ.ต.อ.เจษฎากล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและค้นจากฐานข้อมูลบุคคลพ้นโทษ และจากการที่ผู้เสียหายยืนยันตำหนิรูปพรรณคนร้าย รวมถึงการโพสต์ข้อมูลการก่อเหตุลงเฟซบุ๊กของกลุ่มคนร้ายว่าเป็นแก๊งโบวี่ เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับและทำการจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายเดือน เม.ย. นายพิษณุเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ 3 ครั้ง คดียาเสพติด 5 ครั้ง และนายดนุนัยเคยต้องโทษคดียาเสพติด 3 ครั้ง โดยล่าสุดนายพิษณุและนายดนุนัยพ้นโทษได้เพียง 2 วัน ก่อนมาก่อเหตุซ้ำอีก

ด้าน พล.ต.ต.ฤชากรกล่าวว่า ที่นำมาแถลงในวันนี้มีทั้งหมด 3 คดี ผู้ต้องหา 4 รายที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อไม่นานนี้ โดยเฉพาะนายพิษณุ มงคลสุดสวาท หรือหวาน เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุในหลายพื้นที่ ถูกจำคุกมากถึง 8 ครั้ง และหลังจากที่พ้นโทษมาได้ 1-2 วันก็ก่อเหตุในลักษณะเช่นเดิมอีก จึงอยากจะบอกว่าบุคคลพวกนี้เป็นอันตรายต่อสังคม และไม่มีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับประชาชนทั่วไป หลังจากนี้คาดว่าจะมีการทบทวนมารตรการลงโทษบุลคลที่เพิ่งพ้นโทษแล้วกลับมากระทำความผิดซ้ำอีก โดยจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยในเร็วๆ นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น