xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เร่งรวบรวมหลักฐานก่อนออกหมายจับทีมบึ้มเซ็นทรัลสมุย แย้มมี 7-8 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผบ.ตร.เผยยังไม่ออกหมายจับคนร้ายคาร์บอมบ์เซ็นทรัลสมุย ย้ำต้องรอบคอบ รอรวบรวมพยานหลักฐาน แย้มรู้ตัวคนก่อเหตุ ระบุมี 7-8 คน ย้ำข้อมูลตำรวจ-ทหาร และฝ่ายความมั่นคงตรงกัน

วันนี้ (21 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ภายในลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายความมั่นคงทำงานร่วมกันมีความคืบหน้ามาก ส่วนเรื่องการออกหมายจับต้องใช้ความรอบคอบ กำหนดเวลาหรือเร่งรัดเวลาคงจะไม่ได้ เพราะหากรีบร้อนรีบเร่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ เนื่องจากการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เป็นคนออกเอง ต้องขอศาล หากรวบรวมพยานหลักฐานไม่เพียงพอแล้วศาลปฏิเสธที่จะออกหมายจับขึ้นมาจะทำให้เสียหาย ในส่วนนี้ต้องขอความเข้าใจว่าอย่าเร่งรัดเรื่องเวลา แต่รู้ตัวผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด ส่วนจะสามารถออกหมายจับใครได้มากน้อยแค่ไหน ต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำงานก่อน เพราะนอกจากคำให้การของพยาน ผู้ต้องสงสัย ตลอดจนข้อมูลหลักฐานทางด้านอื่นๆ ที่ต้องใช้ บางครั้งต้องรอเวลา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีอดีตนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้ ตำรวจมีรายงานหรือข้อมูลตรงนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ข้อมูลของตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงเป็นข้อมูลเดียวกันเพราะทำงานร่วมกัน ทหารไปเชิญตัวใครมาซักถาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ส่งพนักงานสอบสวนไปนั่งฟัง หรือส่งทีมชุดสอบสวนที่ตนตั้งไว้ มี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จตร. (สบ 8) เป็นหัวหน้าทีมอยู่ทางใต้ก็จะเข้าไปร่วมสอบถาม ซักถาม และสอบสวน เพราะฉะนั้นข้อมูลก็จะเป็นข้อมูลเดียวกัน

เมื่อถามว่ากระแสข่าวที่มีนายพล “จ.” เข้าไปเป็นส่วนที่มีการเกี่ยวข้อง ตรงนี้ทางตำรวจจะระงับข่าวหรือว่ามีเบาะแสมากน้อยเพียงใด พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คงไม่ไประงับข่าวลือหรือไปทำบิดเบือนข่าวได้ ข่าวก็คือข่าว แต่ว่าเราไม่กล้าที่จะพูดหรือเจาะจงในลักษณะเช่นนั้น ตนก็ได้ทราบข่าวหรืออ่านจากข้อมูลทางไลน์ที่น้องๆ สื่อส่งให้ ก็ยังสงสัยว่าที่มาที่ไปอย่างไร แต่ทางการสืบสวนก็ต้องบอกกับสื่อมวลชนตรงๆ ว่าอะไรที่บอกไม่ได้ก็ขอเก็บไว้ก่อน และอะไรที่พูดไปแล้วมีผลกระทบต่อผู้อื่นได้ ขออนุญาตไม่พูด

เมื่อถามว่าแต่ความชัดเจนที่เรารู้ตัวบุคคลที่ตำรวจยืนยัน ขณะนี้มีประมาณกี่คน ผบ.ตร.กล่าวว่า ประมาณ 7-8 คน มีหน้าที่หลายอย่างแบ่งกันทำ ในวันนั้นอาจจะมีส่วนจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ วางแผน เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยที่สามารถนำตัวมาสอบปากคำได้แล้วให้ข้อมูลผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้

เมื่อถามว่า 7-8 คนที่ว่าตรงนี้มีนักการเมืองที่อาจจะเป็นผู้สนับสนุนรวมอยู่ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตรงนี้ตอบไม่ได้จริงๆ ว่ามีหรือไม่มี เพราะว่าตนจะไม่เข้าไปลึก การเป็น ผบ.ตร.บางครั้งรู้ไม่ครบทุกเรื่อง ที่รู้ไม่ครบทุกเรื่องเพราะไม่อยากรู้ อยากปล่อยให้ผู้ที่ปฏิบัติทำงานเต็มที่ เพราะถ้าเราไปรู้หรือรู้มากเกินไปแล้วหลุดปากพูดจะเสียหาย เพราะว่าตนเป็นคนกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาเองว่าในเรื่องคดีสำคัญที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นหรือจบกระบวนการ อย่าเพิ่งรีบพูดออกไป เพราะทำให้เสียหายต่อรูปคดี ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนยากขึ้น และที่สำคัญที่ทำกันอยู่ทางใต้ปัจจุบันมีทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร เวลาเข้าไปในที่เกิดเหตุหรือเข้าไปถึงที่เกิดเหตุ หรือไปประสบเหตุแล้วมักจะนิยมถ่ายรูปและมีการส่งกันตามไลน์กลุ่ม เมื่อมีการส่งเข้าไปในกลุ่มก็จะมีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นรวมอยู่ด้วยในกรุ๊ปไลน์ ภาพที่ออกมามันก็เลยเป็นภาพที่อาจจะทำให้เสียหายต่อรูปคดี หรือทำให้การทำงานยากขึ้น

“ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือ การนำรูปส่งต่อกันแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติ อย่างเช่นลงไปปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ที่เสี่ยงภัย เมื่อมีรูปออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามที่เข้าถึงข้อมูลตรงนั้นเขารู้ว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรงนั้นตรงนี้ เวลานั้นเวลานี้ จะกลับเวลานั้นเวลานี้ก็อาจจะมีการดักทำร้ายซุ่มโจมตี ตรงนี้เป็นห่วงมากซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองเข้าไปดูที่เกิดเหตุก็ถ่ายรูปไว้โดยใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายไว้ที่สำคัญไม่เป็นไร แต่ถ่ายไว้โพสต์หรือส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่ม โดยภาพที่หลุดออกมาอาจจะสร้างความเสียหายทางคดี สร้างความยากลำบากในการทำงาน ที่สำคัญที่สุดและเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายความมั่นคงที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาชุดสืบสวนสอบสวนเคยเรียกนักการเมืองหรือเชิญตัวมาพูดคุยหรือสอบถาม ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ

ต่อข้อถามว่าแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่เกาะสมุย มีมาตรการคุมเข้มขึ้นหรือมีการตรวจตราที่มากขึ้นหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า แน่นอน เรื่องความเข้มงวดเรื่องการตรวจตราทำกันอยู่แล้ว อีกทั้งเป็นนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล ดูแลนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติ ไม่ละเว้น เป็นเรื่องที่เข้มงวดมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เกิดที่สมุยเป็นเรื่องพิเศษมีความจงใจให้เกิดขึ้นเพื่อที่จะสร้างสถานการณ์ดิสเครดิตรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องที่โจรก่อการร้ายทางภาคใต้ขยายพื้นที่ขยายอาณาเขต

เมื่อถามว่าต่อไปจากการข่าวจะมีขยายไป จ.ภูเก็ต หรือกระบี่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยขอช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติเสียหาย กระทบกระเทือนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชาวต่างชาติหวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้รับความเดือดร้อน แต่ความสะใจเกิดขึ้นกับคนส่วนน้อย ตนว่ามันไม่คุ้มกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น