ตร.รวบ 5 โจ๋นำระเบิดปิงปองไปทิ้งในซอยสุขุมวิท 101 จนทำให้พนักงานเก็บขยะบาดเจ็บนิ้วมือขาด สารภาพทำขึ้นเองไว้ป้องกันกลุ่มคู่อริช่วงสงกรานต์
จากกรณีพนักงานเก็บขยะ เข้าเก็บขยะบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 120/536 หมู่บ้านมณีญาวิลล์ ซอยสุขุมวิท 101/1 แขวงและเขตบางนา กทม. ก่อนเจอระเบิดปิงปองซุกอยู่ในถุงพลาสติกและได้แกะดูจนเกิดระเบิดขึ้น ส่งผลให้นิ้วขาด 1 ราย และบาดเจ็บที่ขา 2 ราย เมื่อช่วงสายของวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (15 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.อุดม ธุระงาน ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.ภาสกร รัตนปนัดดา รอง ผกก.สส.สน.บางนา พ.ต.ต.ปรัชญา บุญยืน สว.สส. สน.บางนา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา พ.อ.ณพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ รองผู้บังคับการ กรมทหารม้าที่1 รักษาพระองค์ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายกอล์ฟ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายโจ้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปีนายร็อค (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายโด่ง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี จับกุมได้เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันทำระเบิดปิงปองขึ้นมาโดยการนำประทัดมาแกะเอาดินเทาปั้นรวมกับก้อนหินเพื่อนำไปเป็นอาวุธป้องกันตัวกับคู่อริในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ทางเมืองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เหตุที่ต้องนำมาทิ้งเนื่องจากหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มคู่อริแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าพื้นที่พวกตนกลัวโดนจับจึงนำไปทิ้งบริเวณดังกล่าว และไม่คิดว่าจะมีพนักงานมาเก็บขยะจะพบเห็นและระเบิด ส่วนวิธีการทำเรียนรู้จากในวิดีโอคลิปและจากรุ่นพี่
ระเบิดดังกล่าวเป็นของพวกตนจริง เตรียมการไว้เพื่อป้องกันตัวหากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคู่อริซึ่งในละแวกดังกล่าวมีด่านค่อนข้างเยอะเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ กุมจึงเอาระเบิดไปวางทิ้งไว้ที่กองขยะบริเวณดังกล่าว หากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาเก็บไปพวกตนก็จะมาเก็บไปไว้ใช้งาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ โดยมีอัตราโทษจำคุก 1-20 ปี ปรับ 2,000-40,000 บาท ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป