สตช.แถลงรวบแก๊งดาบตำรวจ ตชด. สังกัดค่ายพญางำเมือง จ.พะเยา พร้อมพวกรวม 10 ราย ขนยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด สารภาพกระทำผิดมาแล้ว 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 3 แสนบาท เพื่อนำเงินไปใช้หนี้พนัน เตรียมขยายผลเอาผิดผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดฐานปล่อยปละละเลย
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น และ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 แถลงผลการจับกุม ด.ต.จิรวัฒน์ มาไกล ผู้บังคับหมู่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 ค่ายพญางำเมือง จ.พะเยา ผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมพวกรวม 10 ราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ด โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดย บก.น.6 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) โดยเจ้าหน้าที่ร่วมกันวางแผนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน คือ นายชัยณรงค์ หรือโหน่ง เจริญ อายุ 35 ปี, ด.ต.จิรวัฒน์ หรือวัฒน์ มาไกล อายุ 48 ปี, น.ส.ธัญพิมล หรือแต๋น มะโนจี๋ อายุ 42 ปี, นายภานุพงศ์ หรือตั้ม อายุ 28 ปี, นายโกศล หรือหนุ่ม ชมบ้านแพ้ว อายุ 27 ปี, นายปกรณ์ หรือมอส พรหมรักษา อายุ 21 ปี, นายวีรพงศ์ หรือแดง แก้วบุตร อายุ 22 ปี, นายทิชากร หรือนุก ยั่งยืน อายุ 24 ปี และเยาวชนอีก 2 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด และได้สอบสวนจนทราบตัวผู้ต้องหาที่เป็นผู้กระจายยาเสพติดได้เกือบครบขบวนการ
“ในขบวนการค้ายาเสพติดนี้ พบว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องร่วมขบวนการอยู่ด้วย คือ ด.ต.จิรวัฒน์ จากนี้จะดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาที่ตำรวจคนนี้สังกัดอยู่ โดยต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการกระทำความผิด เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมได้มีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวแล้วว่าหากผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะต้องร่วมรับผิดชอบในความผิดนั้นด้วย โทษฐานไม่สอดส่องความเป็นอยู่ของลูกน้องว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น บางคนไม่เคยมีรถใช้แต่กลับมีใช้ ต้องทราบว่านำมาจากที่ใด และหาเงินมาจากไหน เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้บังคับบัญชาเกิดความบกพร่องในหน้าที่ไม่สามารถดูแลลูกน้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ผบ.ตร.ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาได้รับการประสานให้ข้อมูลจากสายลับซึ่งได้มีการดำเนินการติดต่อกันอยู่และให้ข้อมูลว่าจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดล็อตใหญ่ในเขตปริมณฑล คือ จ.ปทุมธานี จากที่ได้รับรายงานแล้วตนได้เรียนผู้บังคับบัญชา และได้มีการสั่งการให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม จึงได้มีการวางแผนโดยประสานความร่วมมือกับ พล.ต.ท.เรวัช วางแผนในการจับกุมผู้ลักลอบขนยาเสพติดในครั้งนี้ โดยมีการประสานว่ามีการส่งยาเสพติดที่บริเวณถนนพหลโยธิน ตรงบริเวณหน้าโรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าไปวางแผนในเวลา 06.00 น. โดยสายลับให้ข้อมูลว่ารถที่จะมาส่งเป็นรถตู้ และที่มารับเป็นรถกระบะ ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายอีกกลุ่มของผู้กระทำความผิดได้นำรถกระบะอีซุซุสีขาวมาจอดบริเวณที่กำหนดไว้ เปิดสัญญาณไฟกะพริบ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ สักครู่ได้มีรถตู้มาลักษณะตรงกับที่สายลับแจ้งไว้มาจอดต่อด้านท้ายรถกระบะ หลังจากที่จอดรถแล้วผู้กระทำความผิด 1 คนได้ยกถุงยาเสพติดขนาดใหญ่เป็นถุงกระสอบเข้ามาใส่ไว้บริเวณด้านท้ายรถกระบะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณเข้าจับกุม
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้มีการตรวจค้นในรถตู้ พบ ด.ต.จิรวัฒน์ ทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ โดยในรถมีอยู่ 4 คน มีนายชัยณรงค์ น.ส.ธัญพิมล และบุตรสาวซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 3 ถุงใหญ่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาทำการตรวจค้นในรถกระบะ ได้ของกลางที่คนร้ายกลุ่มนี้เอาออกมาไว้ที่กระบะท้ายได้ของกลางอีก 1 ถุง โดยมีผู้ต้องหาอยู่ในรถกระบะทั้งหมด 3 คน ประกอบไปด้วยนายโกศล นายภานุพงศ์ และนายปกรณ์ สอบสวนแล้วทั้งหมดให้การรับสารภาพ ซึ่งของกลางในคดีนี้มี 4 ถุง ในรถตู้ 3 ถุง และในรถกระบะอีก 1 ถุง รวมแล้ว 1.2 ล้านเม็ด
“จากการสอบสวนที่มาที่ไปของ ด.ต.จิรวัฒน์ และ น.ส.ธัญพิมล ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยกระทำความผิดมาแล้ว 2 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดย น.ส.ธัญพิมลยอมรับว่าไปเล่นการพนันฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง หลังเล่นพนันเสียจึงมีการติดต่อให้ส่งยาเสพติด ซึ่ง น.ส.ธัญพิมลก็รับดำเนินการ โดยมีการวางแผนกับ ด.ต.จิรวัฒน์ รับยาจากชายคนหนึ่งเป็นชาวพม่าเรียกว่าเฮีย หรือพี่ มีการส่งสัญญาณกันเอายามาไว้ในจุด โดยทางนี้ก็ไปรับแล้วก็เอามาส่งครั้งที่ 1 ผ่าน ครั้งที่ 2 ผ่าน ครั้งที่ 3 ถูกจับกุม” พล.ต.ต.ชยพลกล่าว และว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นกลุ่มรับจ้างขน หลังจากที่เจ้าหน้าที่จับกุมตรงนี้ได้แล้วก็มีการสืบสวนขยายผลว่าก่อนที่จะมาส่งยาบ้า 4 ถุงนี้ ได้ส่งยาไอซ์ไปแล้ว 15 กิโลกรัม ก่อนที่จะมาถึง จ.ปทุมธานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมยาไอซ์ที่ส่งไป ขณะเดียวกันได้มีการนำตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องไปตรวจค้นบ้านพัก พบว่าที่บ้านพักในเขตของสายไหมเจอยาบ้าอีก 60 กว่าเม็ดพร้อมผู้ต้องหาที่อยู่ในบ้านพักอีก 2 คน ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมดำเนินคดีซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนขยายผลต่อไปในกลุ่มของนักค้ายาเสพติดที่อยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหามาได้อีก 1 คน ส่วนเรื่องของทรัพย์สินต่างๆ อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตาม ตามมาตรการยึดทรัพย์ต่อไป
ด้าน ด.ต.จิรวัฒน์ให้การรับสารภาพว่าตนขนยาเสพติดจริง โดยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกและครั้งที่ 2 ผ่านไปด้วยดีกระทั่งมาถูกจับในครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกได้เงินค่าจ้างจำนวน 240,000 บาท ครั้งต่อมาได้เงิน 300,000 บาท และครั้งล่าสุดยังไม่มีการตกลงค่าจ้างกัน โดยส่วนตัวนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ที่เกิดขึ้นจากการเล่นการพนัน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่เคยนำยาเสพติดที่รับจ้างขนไปไว้ภายในค่ายตำรวจที่ตนสังกัดอยู่แต่อย่างใด แต่รู้ว่าหากตนซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิด ผู้บังคับบัญชาจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย แต่ทำไปเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้เท่านั้น