กองปราบฯ พร้อมอาวุธครบมือบุกกวาดล้างมาเฟียเกาะสมุย ตามยุทธการ “ฟ้าสางที่สมุย” ยึดอาวุธปืนกว่า 10 กระบอก หลังเกิดคดีฆ่ากันตายเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ท่าจอดเรือสปีดโบ๊ตและวินรถแท็กซี่ ย้ำเสียงปืนลั่นที่ไหนจะเข้าตัดวงจรให้ปลอดมาเฟียทันที
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รักษาการในตำแหน่ง ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.พันธนะ นุชนาถ พ.ต.อ.สยาม บุญสม พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รักษาการ ผกก.ปพ.บก.ป. และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิษณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.เกื้อกลู อินนาจักร ผบก.จทบ.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังกำลังกว่า 300 นายพร้อมอาวุธครบมือ และเฮลิปคอปเตอร์ 1 ลำ บุกเข้าปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกันทีเดียว 23 จุด ตามยุทธการ “ฟ้าสางที่สมุย”
ผลการปิดล้อมตรวจค้นสามารถตรวจยึดอาวุธปืนจำนวน 13 กระบอก เป็นอาวุธปืนลูกซอง 7 กระบอก อาวุธปืนสั้น 6 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 835 นัด พืชกระท่อม จำนวน 3 กิโลกรัม อุปกรณ์การเสพกัญชาจำนวน 1 ชุด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายทรงยศ แพรกุล, นายวิวัฒน์ ชื่นบาน, นายเจริญ จันทรา คดีครอบครองอาวุธปืน ส่วนนางเบญจพร แสนศรี และนางวันเพ็ญ คชเชลรัตน์ ดำเนินคดีจำหน่ายพืชกระท่อม
พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาเวลา 19.00 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด .38 สังหารนายพนัส เค้าอุทัย หรือโกแท็ก บ่อผุด อายุ 49 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังเสียชีวิตบริเวณร้านการ์มาสุททา ตลาดขายสินค้าถนนคนเดินหมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย นอกจากนี้ยังมีลูกน้องบาดเจ็บอีก 2 ราย จากนั้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายชลิต บุญสา หรือเสี่ยหมง อายุ 57 ปี, นายไฉน สุขสม อายุ 50 ปี, นายสามารถ บุญสิน หรือแดง ฉ. ผู้ใช้จ้างวาน, นายชยุตม์ แก้วอร่าม หรือตอย มือปืน, นายสุวิทย์ ทองสุก หรืออู๊ด มาดำเนินคดีได้ ส่วนสาเหตุมาจากการขัดผลประประโยชน์ในตลาดถนนคนเดิน เรื่องท่าจอดเรือสปีดโบ๊ตและวินรถแท็กซี่
พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ต้องหาและผู้ตายถือเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลรายใหญ่บนเกาะสมุย ซึ่งพฤติกรรมแย่งชิงผลประโยชน์จนนำไปสู่การฆ่ากันนั้นได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงสั่งให้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าทุกหน่วยทั้ง บช.ก.ตำรวจภูธรภาค 8 ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าตรวจค้นดังกล่าวเพื่อสืบสวนติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีและค้นหาพยานหลักฐานทางคดีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในพื้นที่
“ต่อนี้ไปหากที่ไหนในประเทศไทยมีองค์กรอาชญากรรมลักษณะเป็นเครือข่ายเข่นฆ่าแย่งชิงผลประโยชน์กัน ผมจะสั่งการเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปตัดวงจรนั้นให้ปลอดจากมาเฟียและผู้มีอิทธิพลเพื่อความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบฝังตัวหาข่าวสักระยะหนึ่ง หากยังไม่เลิกรากันก็จะนำกำลังมาอีก” พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ถือเป็นการทำงานเชิงบูรณาการกันทุกภาคส่วน ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยปิดล้อมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลใน จ.นครศรีธรรมราชมาแล้ว และต่อไปหากมีเสียงปืนดังขึ้นที่จังหวัดไหนเราก็จะไปที่นั่นแน่นอนเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจริญ สีแสง หรือตุ๊ก อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ที่ 22 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุยข้อหาร่วมกันฆ่า นายพนัส เค้าอุทัย หรือโกแท็ก บ่อผุด อายุ 49 ปี ได้ประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจภูธร ภาค 8 หลังที่กองปราบปรามได้ปิดล้อมกดดันอย่างหนักเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยนายเจริญ เป็นลูกน้องคนสนิท นายชลิต บุญสา หรือเสี่ยหมง อายุ 57 ปี ผู้จ้างวานฆ่านายพนัส ซึ่งในวันเกิดเหต นายเจริญทำหน้าที่เป็นมือปืนนั่งซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ไปกับ นายชยุตม์ แก้วอร่าม ก่อนชักปืนยิงนายพนัส จนเสียชีวิตดังกล่าว หลังเกิดเหตุ นายเจริญได้กบดานอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งบนเกาะสมุย ใกล้บ้านนายชลิต กระทั่งทนแรงกดดันไม่ไหวประสานเข้ามอบตัวดังกล่าว