คนป่วยเบาหวานร้อง รพ.เอกชนชื่อดังพาทิ้ง สน.บางซื่อ ทั้งที่แผลยังไม่แห้ง จึงขอนอนพักต่อ ถึงขั้นประท้วงไม่กินข้าวกินยาทั้งวัน เตรียมขอเปลี่ยนใช้สิทธิ รพ.ลาดพร้าว ขณะที่ผู้บริหารแจงเหตุแพทย์ 5 คนลงความเห็นกลับบ้านได้ แต่ไม่ให้ความร่วมมือ ต้องประสานให้ตำรวจช่วย ยันไม่ใช่การนำมาทิ้งไว้ ตร.เผยล่าสุดติดต่อเพื่อนมารับตัวไปหาที่พักแล้ว หากหาไม่ได้จะส่งบ้านพักคนชราปทุมธานี หรือบ้านบางแค
วานนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ว่าได้รับการประสานงานจากตำรวจ สน.บางซื่อ ให้มารับผู้ป่วยไร้ญาติที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสะพานควายมาส่งทิ้งไว้ที่โรงพัก จึงไปตรวจสอบพบนายมานะ กุลธรรมสถิต อายุ 54 ปี นั่งอยู่บนโรงพักในสภาพขาข้างซ้ายถูกตัดครึ่งหน้าแข้ง และมีผ้าพันแผลโดยรอบ ส่วนที่ขาขวาก็มีแผลสะเก็ดลอกเนื่องจากอาการป่วยโรคเบาหวานเริ่มลุกลาม
นายมานะกล่าวว่า เคยมีอาชีพขับรถยนต์ให้ น.ส.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ผู้บริหารของบริษัท อรรถบูรณ์ จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าเบรกและคลัช และสมาชิกสภาสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ต่อมาปลายปี 2551 ตนมีอาการขาอ่อนแรงและป่วยเป็นโรคเบาหวานจนขับรถไม่ได้จึงลาออก กระทั่งปลายปี 2555 ตนกับ น.ส.มาลี กุลธรรมสถิต พี่สาวได้ขายบ้านที่ย่านห้วยขวาง และบ้านที่ย่านคลองตัน สมบัติของพ่อแม่ได้เงินมารวม 6 ล้านบาท ก่อนจะแบ่งคนละครึ่งกับพี่สาว จากนั้นตนมาซื้อห้องพักที่ป็อปปูลาร์ คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี ราคา 4 แสนบาทเศษ เพื่อพักอาศัยอยู่ในบั้นปลายชีวิต พร้อมทั้งมารักษาอาการป่วยโรคเบาหวานที่โรงพยาบาลดังกล่าวตามสิทธิประกันสังคมที่จ่ายเองเดือนละ 432 บาท ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั่งรถไปกลับครั้งละ 400 บาท
ต่อมาช่วงต้นปีนี้อาการเบาหวานเริ่มลุกลาม ประกอบกันเป็นโรคไตอีกด้วย จึงตัดสินใจขายคอนโดมิเนียมในราคา 4.2 แสนบาท พร้อมทั้งเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที โดยตอนแรกแพทย์แจ้งว่าต้องตัดนิ้วเท้าซ้ายออกแค่ 2 นิ้ว แต่หลังจากเอกซเรย์แล้วแพทย์แจ้งอีกครั้งว่าต้องตัดขาทิ้งครึ่งแข้งเนื่องจากอาการลุกลามแล้ว หากไม่ตัดจะติดเชื้อได้ จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันทีในวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมประมาณ 2 เดือน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ประกันสังคมของโรงพยาบาลมาแจ้งให้ทราบว่าแพทย์ลงความเห็นให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว แต่ตนเห็นว่าแผลยังไม่แห้งจึงขอนอนพักต่อจนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ตนจึงประท้วงด้วยการไม่กินข้าวกินยาทั้งวัน พร้อมทั้งพูดประชดไปว่ากลับก็กลับ พร้อมทั้งตั้งใจจะไปทำเรื่องขอเปลี่ยนไปใช้สิทธิรักษาตัวตามประกันสังคมที่โรงพยาบาลลาดพร้าวแทน
นายมานะกล่าวว่า จนช่วงเช้าที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลก็แจ้งว่าให้ไปล้างไตก่อนจะกลับบ้าน พอล้างไตเสร็จเวลาประมาณ 14.00 น.ก็มีเจ้าหน้าที่ รปภ.กับเจ้าหน้าที่ประกันสังคมของทางโรงพยาบาลมาล้อมหน้าล้อมหลังบอกว่าจะพาไปตกลงกันที่ลานจอดรถ แต่เมื่อมาถึงลานจอดกลับไม่พูดจาอะไร เรียกรถแท็กซี่อยู่ 3-4 คันแต่ไม่มีใครรับ จากนั้นก็เรียกสายตรวจของ สน.บางซื่อ มาพูดจาตกลงกัน ก่อนจะพาตนขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลมาที่ สน. จากนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็บอกว่าให้รอคุยกับร้อยเวร ก่อนจะหายตัวไปทันทีตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ทั้งที่แผลของตนยังไม่แห้งสนิทดี สิทธิประกันสังคมก็ยังไม่ขาด แต่กลับพาตนมาทิ้งไว้ที่โรงพัก แบบนี้สมควรหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.บางซื่อ กล่าวว่า เบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้นำเอกสารชี้แจงมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้วว่าแพทย์ลงความเห็นให้กลับบ้านได้ พร้อมทั้งนัดมาตัดไหมวันที่ 13 มี.ค. แต่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถเจรจากับผู้ป่วยได้ จึงพามาส่งไว้ที่ สน.บางซื่อ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามารถติดต่อเพื่อนของผู้ป่วยให้ซื้ออุปกรณ์ช่วยเดินพร้อมทั้งมารับตัวไปหาที่พักแล้ว เนื่องจากวันที่ 12 มี.ค.ผู้ป่วยต้องการไปทำเรื่องเปลี่ยนสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี แต่หากไม่สามารถหาที่พักได้ เจ้าหน้าที่จะประสานไปส่งที่บ้านพักคนชราที่อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หรือบ้านบางแคต่อไป
ต่อมาเวลา 23.00 น. วันเดียวกัน นพ.ศราวุธ ตันดิลกตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ประสานงานประกันสังคมของโรงพยาบาล หัวหน้าพยาบาลประจำวัน และเจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงพยาบาล ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวที่ สน.บางซื่อ ว่าผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ทีมแพทย์ได้ลงความเห็นว่าต้องรักษาด้วยการตัดขา นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคอื่นแทรกซ้อนมาด้วย ต้องใช้ทีมแพทย์ 5 คนในการดูแลซึ่งได้พยายามรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ก่อนที่แพทย์ทั้ง 5 คนจะลงความเห็นว่าผู้ป่วยสามารถกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ ไม่มีอาการน่าเป็นห่วงที่จะต้องรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล อีกทั้งทางโรงพยาบาลประสบปัญหาในการดูแลผู้ป่วยรายนี้ร่วมกับผู้ป่วยคนอื่น เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้พักรักษาตัวอยู่ในห้องคนไข้รวม เสียงดังรบกวนคนไข้รายอื่น ไม่ได้รับความร่วมมือในการรักษา
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อให้ญาติเดินทางมารับตัวผู้ป่วยแล้ว พร้อมทั้งพูดอธิบายขอร้องให้ช่วยรักษาความสงบ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องประสานให้ตำรวจเข้ามาช่วย ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการนำตัวคนไข้ไปทิ้งไว้ที่ สน.บางซื่อ