โฆษก ตร.ยืนยันไม่พบมูลความผิด “พ.ต.อ.สุรเชษฐ์” หรือ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” รับส่วยร้านคาราโอเกะ ยืนยันสามารถแต่งตั้งโยกย้ายได้ตามปกติแม้จะถูกร้อง เพราะไม่ใช่ผู้ต้องหาคดีอาญา
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ ได้ส่งหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ดำเนินการทางวินัยและดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) รักษาราชการแทนผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับพวก กรณีถูกนายเขตสยาม เนาวรังสี เจ้าของกิจการคาราโอเกะ และผู้ประกอบการอื่นในภาคอีสานตอนบนร้องเรียนว่า พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ สมัยดำรงตำแหน่ง ผกก.3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีพฤติกรรมเรียกรับเงินส่วยจากร้านคาราโอเกะ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏผลการดำเนินการทางวินัย กลับได้รับการแต่งตั้งในดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางจเรตำรวจแห่งชาติได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเมื่อปี 2554-2555 ผลปรากฏว่าไม่มีพยานหลักฐานและไม่พบมูลความผิดว่า พ.ต.อ.สุรเชษฐ์กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา พบเพียงนายตำรวจชั้นประทวน 2 นายที่มีความผิด ก่อนสรุปข้อมูลรายงานไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีคำสั่งให้ยุติการสอบสวนทั้งหมด ส่วนการแต่งตั้งสามารถแต่งตั้งตามปกติแม้จะอยู่ระหว่างการถูกร้องเรียนเพราะไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีอาญา ซึ่งในกรณีของ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถแต่งตั้งเพราะเรื่องยุติแล้ว ส่วนการฟ้องร้องผู้บังคับบัญชาถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้