ผู้เสียหายนับ 10 ราย แจ้งจับ 18 มงกุฎหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมทางไอจี ฐานฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายราว 5 ล้านบาท
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. น.ส.สุธาสินี บิลอับดุลลา อายุ 26 ปี พร้อมกับพวกประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับนางวาสนา อินทร์แพง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ม.7 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ในข้อหาฉ้อโกง โดยนำเอกสารเป็นข้อความที่คุยในแอปพลิเคชันไลน์ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน โดยมียอดความเสียหายรวม 5 ล้านบาท
น.ส.สุธาสินี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เห็นร้านค้าออนไลน์บนแอปพลิเคชันอินสตาแกรม (ไอจี) ในชื่อ “ALTHENTICBRANDNAME” ลงประกาศรับพรีออเดอร์กระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ โดยลงชื่อ “วาสนา” พร้อมเบอร์โทรศัพท์และไอดีไลน์ไว้ในการติดต่อสั่งซื้อ ตนจึงสั่งกระเป๋ายี่ห้อชาแนล รุ่นคลาสสิก ราคา 98,000 บาท จากคนชื่อวาสนา โดยมีเงื่อนไขต้องชำระค่าสินค้า 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้าก่อน หลังจากสินค้ามาถึงจึงค่อยชำระส่วนที่เหลือ จากนั้นได้โอนเงินไปจำนวน 50,000 บาท ต่อมาทางร้านได้ส่งข้อความไลน์โดยบอกว่าของที่สั่งใกล้มาถึงแล้ว พร้อมกับเสนอขายกระเป๋ายี่ห้อชาแนล รุ่นบอย ใบละ 140,000 บาท กับร้องเท้ายี่ห้อแอร์เมส คู่ละ 22,000 บาท โดยบอกว่าของจะมาพร้อมกับกระเป๋าที่ตนสั่งไปตอนแรก ตนจึงตกลงสั่งซื้อไปพร้อมกับโอนเงินค่ารองเท้าและกระเป๋าไปให้อีกจำนวน 80,000 บาท โดยร้านบอกว่าของจะมาถึงวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2557
น.ส.สุธาสินี กล่าวต่อว่า เมื่อถึงวันนัดทางร้านได้ติดต่อมาบอกว่าแอร์โฮสเตสที่หิ้วของมาให้ยังมาไม่ถึง ให้รออีกประมาณ 2 วัน เมื่อครบกำหนดทางร้านได้ส่งข้อความไลน์มาหาตนบอกว่าของมาถึงแล้ว พร้อมกับส่งรูปภาพสินค้าที่ตนสั่งไปพร้อมกับรูปถ่ายบัตรประชาชนชื่อ นางวาสนา พร้อมบอกว่าให้โอนเงินส่วนที่เหลือมาให้ ตนเห็นว่ามีรูปสินค้าและหลักฐานบัตรประชนชัดเจน จึงเชื่อใจโอนเงินค่าสินค้าที่เหลือไปให้ รวมจำนวนเงินที่ตนโอนไปทั้งหมด 250,000 บาท พร้อมกับนัดสถานที่รับสินค้า แต่เมื่อถึงเวลานัดรับสินค้าทางร้านกลับอ้างว่ายังไม่ว่าง ติดธุระบ้าง เมื่อตนทวงไปหลายครั้งก็ยังบ่ายเบี่ยงตลอด จึงบอกว่าจะขอเงินคืนและไม่เอาสินค้าแล้ว ทางร้านก็บอกว่าจะโอนเงินคืนให้โดยทยอยโอนเงินมาให้ตน 50,000 บาท ยังขาดอีกประมาณ 200,000 บาท จึงทวงถามมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้คืน จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.หนองแขม แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กองปราบปรามอีกหน่วยงานหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ต.กำธร ได้รับเรื่องไว้ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป