ASTV ผู้จัดการ - จับหนุ่มญี่ปุ่นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ซึมิโยชิ” แก๊งใหญ่อันดับสองของแดนอาทิตย์อุทัย หนีคดีฉ้อโกงมากบดานในไทย แฉพฤติกรรมหลอกเหยื่อโอนเงินซื้อพันธบัตร ค่าความเสียหายกว่า 22 ล้านบาท
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.กองสรรพาวุธ เป็น ผบก.ประจำภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบก.สปพ. แถลงผลการจับกุม นายชินอิจิ นากาตะ อายุ 34 ปี สัญชาติญี่ปุ่น หนังสือเดินทางหมายเลข TL0008384 โดยสามารถจับกุมได้บริเวณคอนโดมิเนียมเจดับบลิว ซอยบัวขาว พัทยากลาง ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2558 ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว อยู่โดยอนุญาตสิ้นสุด
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นายไทชิ อากิโมโตะ เลขานุการเอก, หัวหน้านายตำรวจและหัวหน้านายตำรวจ และนายชินโกะ ซุกิอุระ เลขานุการโท, ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ติดตามตัว นายชินอิจิ นากาตะ อายุ 34 ปี สัญชาติญี่ปุ่น หนังสือเดินทางหมายเลข TL0008384 ที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัว เนื่องจากกลุ่มนายชินอิจิได้กระทำการฉ้อโกงโดยการโทรศัพท์ไปหาเหยื่อหลอกให้โอนเงินซื้อขายพันธบัตร ช่วงวันที่ 7 เม.ย. - 31 ก.ค. 57 ที่ผ่านมา โดยเหยื่อสูญเงินไปกว่า 85 ล้านเยน หรือประมาณ 22 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 57 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลญี่ปุ่นได้ออกหมายจับและทำการจับกุมแก๊งของนายชินอิจิได้ผู้ต้องหาจำนวน 21 คน ซึ่งนายชินอิจิเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาและได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลญี่ปุ่นมากบดานที่ประเทศไทย
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวต่อว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุด 191 ลงพื้นที่ต้องสงสัยเพื่อตามหานายชินอิจิที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัว ล่าสุดวันที่ 28 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น. พ.ต.ท.ศิรณวิญ์ อิทร สว.กก.สายตรวจ และเจ้าหน้าที่สืบสวนชุด191 พบตัวนายชินอิจิบริเวณซอยบัวขาว พัทยากลาง ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ กก.สายตรวจ
จากการสอบสวนทราบว่า แก๊งที่นายชินอิจิทำงานให้นั้นชื่อว่าแก๊งซึมิโยชิ มีสมาชิก 6,000 กว่าคน นับว่าเป็นแก๊งที่ใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่น การกระทำนี้สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 10,500 ล้านบาท โดยการก่อเหตุแต่ละครั้งผู้ต้องหาจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ และแฝงตัวเป็นคอลเซ็นเตอร์ติดต่อไปหาเหยื่อ พยายามพูดจาโน้มน้าวจนกระทั่งหลอกเอาเงินจากเหยื่อกว่า 25 ล้านเยนต่อรายไปได้
ทั้งนี้ พบว่าวีซ่าของนายชินอิจิหมดอายุแล้ว จึงนำตัวส่ง สน.ประชาชื่นดำเนินการ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลญี่ปุ่นได้มาทำการสอบสวนนายชินอิจิ และดำเนินการขอรับตัวนายชินอิจิไปดำเนินการตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญา รัชดาฯ และจะนำตัวไปควบคุมที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 วัน ทางการญี่ปุ่นจะมารับตัวไปดำเนินคดีที่ญี่ปุ่นต่อไป