ดีเอสไอแจงกรณีการครอบครองรถหรูของพระชั้นผู้ใหญ่ 2 คัน เผยเบนซ์ของเจ้าอาวาสวัดปากน้ำแจ้งจดทะเบียนกับกรมขนส่งฯ ไม่ได้ใช้รถเป็นการถาวร คาดเป็นรถโบราณที่สะสม เร่งตรวจสอบการนำเข้ารถ ระบุยังไม่มีการเรียกมาชี้แจง
จากกรณีที่พระพุทธะอิสระ ประธานสงฆ์วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้เดินทางมายื่นหนังสื่อต่อนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ 2 คดี โดยหนึ่งในนั้นคือคดีรถหรูเลี่ยงภาษีที่พบว่าพระในมหาเถรสมาคม (มส.) หลายรูปครอบครองรถหรูที่มีราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปหลายคัน เชื่อมโยงไปถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ที่พบว่ามีพฤติการณ์ครอบครองรถหรูและเป็นผู้จัดส่งรถหรูไปให้กับมหาเถรสมาคม (มส.)
วันนี้ (25ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า นางสุวณา สุวรรณะจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ชี้แจงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีพระผู้ใหญ่ครอบครองรถหรูจำนวน หลายคัน ซึ่งจากการตรวจสอบรถจดประกอบทั้ง 6 พันกว่าคัน เบื้องต้นพบว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชย์ มีชื่อครอบครองรถจดประกอบยี่ห้อเมอเซเดสเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กทม. แต่ปัจจุบันรถคันดังกล่าวแจ้งจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกว่า ไม่ได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นการถาวร คาดว่าเป็นรถโบราณที่มีไว้สะสมไม่ได้มีไว้ขับขี่
สำหรับรถยนต์คันที่ 2 อยู่ในความครอบครองของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ครอบครองรถยนต์ จากัวร์ ทะเบียน กท 1562 สระบุรี
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะตรวจสอบถึงรายละเอียดการนำเข้ารถทั้งสองคัน ทั้งนี้ยังไม่มีการเรียกให้พระผู้ใหญ่ทั้ง 2 รูปนำรถมาให้ทางดีเอสไอตรวจสอบ จนกว่ากรมศุลกากรจะชี้ขาดการเรียกประเมินภาษีรถจดประกอบล็อตแรกจำนวนกว่า 400 คัน ที่ดีเอสไอส่งไปให้ดำเนินการแล้วให้เสร็จก่อน