ทหารบุกทลายบ่อน “ส.ก.อ้วน” ย่านแบริ่ง หลังเปิดอย่างไม่เกรงกลัวกฎอัยการศึก จับกุมนักพนัน 47 คน ยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสน อุปกรณ์เล่นพนันอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (13 ก.พ.) พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ รองผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.พล.ม.2 รอ.) และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก พล.ม.2 รอ.กว่า 30 นาย บุกเข้าทลายบ่อนการพนันภายในซอยแบริ่ง 13 แยกย่อยสันติภูมิ 3 ถ.แบริ่ง หรือสุขุมวิท 107 แขวงและเขตบางนา กทม. ในเวลาต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางนา นำโดย พ.ต.ต.ปรัชญา บุญยืน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกว่า 10 นายเข้าร่วมตรวจสอบ
บ่อนดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น และอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด โดยรั้วด้านหน้าและด้านข้างสูงประมาณ 4 เมตร ส่วนรั้วด้านหลังสูงประมาณ 2.30 เมตร ทางเข้าเป็นประตูอัลลอยขนาดใหญ่ปิดทึบไม่สามารถมองเห็นตัวบ้านด้านในได้ เมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปด้านในบ้านเดี่ยวพบชั้นล่างดัดแปลงเป็นบ่อนการพนัน มีโต๊ะบาคาร่าตั้งอยู่ 1 โต๊ะ ภายในติดป้ายกฎกติกาการเล่นพนัน ซึ่งมีนักพนันชาย - หญิง กำลังจับกลุ่มเล่นพนันไพ่ป๊อกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมท่ามกลางความอลหม่านและเสียงเอะอะโวยวายของนักพนัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนักพนันได้ทั้งหมด 47 คน แบ่งเป็นชาย 14 คน และ หญิง 33 คน ยึดของกลางที่เป็นอุปกรณ์การเล่นพนันจำนวนมาก ประกอบด้วย ไพ่พลาสติกจำนวน 43 สำรับ อุปกรณ์เล่นไฮโล 4 ชุด โต๊ะบาคารา 1 ชุด โต๊ะสำหรับเล่นพนันไพ่อีกจำนวนหนึ่ง และเงินสดกว่า 567,200 บาท
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง พบว่าถูกตกแต่งไว้สำหรับเล่นพนันโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นห้องโล่งทั้งสองชั้น มีห้องน้ำไว้ให้บริการจำนวน 5 ห้อง ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง นอกจากนี้ ยังพบทางลับตรงห้องครัวที่เปิดออกไปยังรั้วด้านหลังบ้าน โดยทำเป็นช่องลับ ใช้ประตูเหล็กปิดไว้ ซึ่งช่องลับดังกล่าวมีค้อนปอนด์ 2 อัน เอาไว้ใช้สำหรับทุบกำแพงเจาะช่องหลบหนีเข้าป่าด้านหลังของบ้าน ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวรวมทั้งอาคารพาณิชย์ติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบทั้งด้านนอกและด้านในบ้าน รวมถึงด้านหน้าตรงประตูรั้วทางเข้าด้วย เพื่อดูความเคลื่อนไหว จากนั้นยังมีคนดูต้นทาง คอยสังเกตอยู่นอกรั้วคัดคนเข้าไปเล่นการพนัน และใช้โทรศัพท์และวิทยุสื่อสารไว้คอยส่งสัญญาณ โดยก่อนเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายบุญเลิศ อ่ำบุญธรรม อายุ 33 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนดูต้นทาง พบมีเงินติดตัวกว่า 3 แสนบาท แต่ นายบุญเลิศ อ้างว่า ไม่ใช่คนดูต้นทาง เป็นนักพนันที่มาเล่นเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งบ่อนเพิ่งเปิดมาได้ 5 วัน และตนก็มาเล่นวันนี้ (13 ก.พ.) จนถูกจับกุมดังกล่าว
พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า การเข้าจับกุมบ่อนการพนันแห่งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าบ้านหลังดังกล่าวเปิดบ่อนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายมีนักพนันมาเล่นตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเจ้าของบ่อนคือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น และจะรู้จักดีในชื่อบ่อน ส.ก.อ้วน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวแฝงเป็นนักพนันเข้าไปเล่นเพื่อเก็บหลักฐาน กระทั่งทราบว่ามีการเปิดบ่อนเล่นพนันจริง มีทั้งเล่นไพ่ป๊อกเด้ง รัมมี่ เก้าเก บาคารา และไฮโล ทั่วทุกห้องทุกพื้นที่ในบ้าน แต่การเข้าจับกุมวันนี้ พบเล่นไพ่ป๊อกเด้งที่ชั้นล่างของบ้านเพียงที่เดียว ส่วนที่อื่นๆ ที่จัดเตรียมไว้ยังไม่ได้เล่น โดยยังสืบทราบด้วยว่าบ่อนดังกล่าวเปิดมาเป็นเวลานาน และท้าทายเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้วการจับกุม เนื่องจากเส้นใหญ่ และการจับกุมดังกล่าวทางทหารได้ประสารข้อมูลกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลโดยตลอด ชุดจับกุมมีการวางแผนเป็นอย่างดี รัดกุมจนสามารถจับกุมนักพนันได้ทั้งหมด โดยเชื่อว่าถ้าเป็นช่วงค่ำคืนน่าจะมีนักพนันเข้ามาเล่นที่บ่อนแห่งนี้มากกว่าจำนวนที่จับได้หลายเท่า
ต่อมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผบช.น. และ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกำชับให้ขยายผลถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นเจ้าของบ่อนอย่างแท้จริง ฉายา ส.ก.อ้วน โดยจะได้นำตัวผู้ต้องหาที่ลักลอบเล่นการพนันครั้งนี้ทั้งหมดส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.บางนา และดำเนินการทางวินัย ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนาระดับผู้บังคับบัญชา เนื่องจากมีการปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ โดยจะเป็นคำสั่งในวันนี้ขณะที่การติดตามของเจ้าของบ่อนตัวจริง เจ้าหน้าที่ทหารจะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามตัวเจ้าของบ่อนตัวจริง ตามกฎอัยการศึก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ของบ้านที่เปิดบ่อนรวมทั้งภายในตัวบ้าน ได้มีการเตรียมทางหนีทีไล่ไว้เป็นอย่างดี แต่จากการดูสภาพที่ค่อนข้างใหม่ของตัวบ้าน และอุปรณ์ของบ้านต่างๆ ยังมีสภาพใหม่ เชื่อว่าจะยังเปิดได้ไม่นาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้พบสัญญาเช่าบ้านและอาคารพาณิชย์ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ฉบับ โดยในสัญญาเช่าระบุว่าผู้ให้เช่า คือ นางชดช้อย ม่วงโสภา อยู่บ้านเลขที่ 700/7 หมู่ 1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สำหรับผู้เช่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้น คือ นายสรยุทธ์ สุขอ้น ส่วนชื่อผู้เช่าอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น คือ นายเจษฎา คมเนตร หนังสือสัญญาเช่าทั้ง 2 ฉบับระบุสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 58 - 1 ก.พ.59 จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 8,000 บาท โดย นายเจษฎา ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ใช้ค้อนปอนด์ทุบกำแพงเพื่อให้นักพนันหนี แต่ยังทุบไม่เสร็จก็ถูกจับกุมได้เสียก่อน แต่ไม่ได้ร่วมเล่นพนัน เพียงแค่รับค่าจ้างวันละ 400 บาท มาคอยดูต้นทางและทางหนีให้กับนักพนันที่เข้ามาเล่นที่บ่อนแห่งนี้เท่านั้น