เลขาธิการ ปปง. ชี้ เครือข่าย “บรรพต” ที่เผยแพร่คลิปหมิ่นเบื้องสูง มีบัญชีเงินเข้าออกครั้งละประมาณหลักแสนบาท โดยมีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีเพียง 7 หลักเท่านั้น
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงกรณี นายหัสดิน อุไรไพรวัน หรือ บรรพต ผู้ต้องหาในคดีฐานสนับสนุนผู้กระทำผิดกรณีหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งเป็นหัวหน้าเครือข่าย “บรรพต” ที่เผยแพร่คลิป หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มีลักษณะหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า หลังจากที่ตำรวจแถลงการจับกุมและจะส่งเรื่องต่อให้ ปปง. ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น คดีดังกล่าวเป็นความผิดมาตรา 112 หมิ่นสถาบัน ซึ่งไม่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน พ.ร.บ.การฟอกเงิน นอกจากนี้ ธนาคารจะรายงานข้อมูลการเงินต่อ ปปง. เมื่อมีการทำธุรกรรมครั้งละ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากผู้กระทำผิดฝาก - ถอน - โอนเงิน แต่ละครั้งต่ำกว่า 2 ล้านบาท เช่น ครั้งละ 1 แสนบาท ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากระเบียบในการรายงานธุรกรรมไม่ต้องรายงานต่อ ปปง. ในกรณีที่จำนวนเงินต่ำกว่า 2 ล้านบาท ยกเว้นแต่ว่าทางพนักงานสอบสวนส่งเรื่องมายัง ปปง. ขอให้ตรวจสอบเป็นกรณีไป โดยทาง ปปง. จึงจะขอข้อมูลจากธนาคารมาตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายหัสดิน หรือ บรรพต มีเงินเข้าออกครั้งละประมาณหลักแสนบาท โดยมีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีเพียง 7 หลักเท่านั้น
สำหรับความคืบหน้าคดีเงินยักยอกเงินคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เกือบ 1.5 พันล้านบาท นั้น พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่า ขณะนี้ได้ติดตามอายัดเงินคืนมาได้แล้วกว่า 600 - 700 ล้านบาท
ส่วนเรื่องการส่งมอบรถหรูยี่ห้อลัมบอร์กินีของ นายปรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือ บอย ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ซื้อต่อจากผู้ต้องหาคดีดังกล่าวนั้น ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.พ.) จะทราบผลภายหลังมีการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม โดยหากที่ประชุมมีมติยึดรถ ทางนายปกรณ์ต้องส่งมอบรถทันที แต่หากไม่นำรถมาส่งมอบทาง ปปง. จะดำเนินการตามไปยึด
