xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯ รวบหนุ่มบัลแกเรียแก๊งสกิมเมอร์ตระเวนกดเงินในพื้นที่ กทม.เสียหาย 40 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ป.รวบหนุ่มบัลแกเรียแก๊งสกิมเมอร์ตระเวนกดเงินในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รับสารภาพว่าได้บัตรมาจากเพื่อนชาวต่างชาติแถวสีลม มูลค่าความเสียหาย 40 ล้าน พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



วันนี้ (10 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. และ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายดาวอด ฮามิด อาลจินาบิ อายุ 48 ปี สัญชาติบัลแกเรีย พร้อมด้วยของกลางบัตรเคดิตจำนวน 32 ใบ เงินธนบัตรสกุลยูโร 4,000 ยูโร เงินธนบัตรไทย 5,500 บาท กระเป๋าสะพายข้าง หมวกแก๊ป (สวมใส่ขณะก่อเหตุ) สมุดจดบันทึก และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่หน้าร้านขายยาเคอาร์ฟาร์ม ภายในซอยเพชรบุรี 10 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.

พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความว่ามีคนร้ายใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มมากผิดปกติ ในช่วงระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงได้จัดชุดสืบสวนหาเบาะแสตามหาตัวผู้กระทำผิด จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นชาวต่างชาติมีพฤติการณ์ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ชุดเดียวกับผู้เสียหายในธนาคารประเทศฝรั่งเศส ตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในเขตพื้นที่ กทม. และปริมณฑล

พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า จากนั้นได้จัดกำลังเฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ กระทั่งเวลา 11.15 น.ของวันที่ 9 ก.พ. เจ้าหน้าที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของคนร้ายได้ที่ภายในซอยเพชรบุรี ซอย 10 (ซอยกิ่งเพชร) จึงเข้าทำการตรวจสอบจนพบผู้ต้องหากำลังยืนกดเงินอยู่ที่หน้าร้านขายยาเคอาร์ฟาร์ม จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมก่อนขยายผลตรวจค้นภายในห้องพักคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท 13 จนพบของกลางดังกล่าว

จากการสอบสวนนายดาวอดให้การรับสารภาพว่า ได้รับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมซึ่งภายในมีข้อมูลการเงินจากต่างประเทศมาจากเพื่อนชาวต่างชาติแถวสีลม จากนั้นจึงนำมาใช้ตระเวนกดเงินตามเส้นทางรถไฟฟ้าและหอพักต่างๆ ในพื้นที่ กทม. เงินที่ได้จะถูกส่งไปให้กับหัวหน้าเครือข่ายที่อยู่ต่างประเทศทุกวัน

ด้าน พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีมูลค่าความเสียหายเฉพาะในประเทศไทยมากถึง 40 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐานใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น