อสส. สั่งฟ้องคดี “กุหลาบแก้ว” ดาโต๊ะ สุรินทร์ - บ.แฟร์มอนท์ฯ เทขายหุ้นชินคอร์ปให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ปี 49 กว่า 7 หมื่นล้าน เผยคดียังไม่ขาดอายุความ
วันนี้ (2 ก.พ.) นางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยการสั่งคดีที่ นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ “ดาโต๊ะ สุรินทร์” กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กรณีวันที่ 23 มกราคม 2549 ขายหุ้นให้กับกองทุนเทมาเส็ก ของประเทศสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท ว่า นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ให้ฟ้องบริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 และนายสุรินทร์ กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท กุหลาบแก้ว ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 4 และ 36 เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีการถือหุ้นแทนต่างชาติซึ่งตามกฎหมายไม่อนุญาตให้ต่างด้าวถือหุ้นเกินร้อยละ 49
นางสันทนี กล่าวอีกว่า ขณะที่อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.บุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.สายฝน เจริญเกียรติ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น ผู้ต้องหาที่ 4 และ น.ส.อรุณี ธำรงธนกิจ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น ผู้ต้องหาที่ 5 โดยอัยการสูงสุด เห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขั้นตอนหลังจากนี้จะส่งสำนวน ให้อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเตรียมฟ้อง โดยจะประสานไปยังพนักงานสอบสวน ให้นำตัว นายสุรินทร์ กรรมการบริษัท กุหลาบแก้ว และบริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสเม้นท์ มาส่งให้อัยการ เพื่อเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป
เมื่อถามว่า หากผู้ต้องหาไม่อยู่ในประเทศ จะดำเนินการติดตามตัวมาฟ้องอย่างไร นางสันทนี รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับข้อมูลที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อจะระบุที่อยู่ให้ชัดเจนในการติดตามตัวส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ขณะที่คดีนี้ยังไม่หมดอายุความ หากนำตัวมาได้ก็สามารถยื่นฟ้องดำเนินคดีกับศาลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีกุหลาบแก้ว ถือเป็นหนึ่งในคดีสืบเนื่องการเทขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ จนนำไปสู่คำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ นายสุรินทร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญก็ได้หายตัวไปเป็นเวลาหลายปีแล้วและเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวได้