ยธ.เล็งชงคดีลักลอบนำโทรศัพท์เข้าเรือนจำเป็นคดีพิเศษ ระบุพบดีเอ็นเอผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้บนมือถือตามแนวรั้วเรือนจำ เผย 2 เดือนที่ผ่านมา 40 เรือนจำยึดได้กว่า 1,500 เครื่อง
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำว่า ขณะนี้ได้เตรียมเสนอคดีลักลอบนำโทรศัพท์มือถือหรือสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำเป็นคดีพิเศษบางคดี โดยให้พิจารณาตามพฤติการณ์เป็นรายดคี ซึ่งขณะนี้มี 3 คดีสำคัญ ประกอบด้วย 1. กรณีตรวจพบดีเอ็นเอของผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ ตรงกับดีเอ็นเอบนโทรศัพท์มือถือที่พบตามแนวกำแพงเรือนจำ คาดว่ามีผู้ลักลอบนำมาโยนเข้าเรือนจำ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
2. กรณีที่ผู้ต้องขังพ้นโทษออกไป และนำโทรศัพท์มือถือโยนกลับมาให้กับพรรคพวกในเรือนจำ และ 3. กรณีผู้ต้องขังเครือข่ายลอบยิงเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราชเสียชีวิต โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณาครั้งต่อไป
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า ช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับรายงานจาก 40 เรือนจำทั่วประเทศว่า สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้ประมาณ 1,500 เครื่อง ซึ่งมีข้อมูลการโทร.เข้า-ออก คาดว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกว่า 60,000 ครั้ง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบดีเอ็นเอจากโทรศัพท์มือถือที่ตรงกับผู้ต้องขังในเรือนจำแล้ว 8 ตัวอย่าง ที่ผ่านมาการตรวจค้นโทรศัพท์มือถือในเรือนจำหลายครั้ง ผู้ถือครองไม่ใช่เจ้าของ แต่เป็นการรับผิดแทนกัน โดยการตรวจดีเอ็นเอจะทำให้พบผู้กระทำผิดตัวจริงได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้จะให้ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ เช่น การโทร.เข้า-ออก การส่งข้อความในโปรแกรมแชตรายชื่อผู้ติดต่อที่บันทึกในโทรศัพท์ รวมถึงข้อมูลจากซิมการ์ด เพราะอาจเชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องหาในคดีสำคัญได้ ทั้งนี้ กฎหมายได้เพิ่มโทษเกี่ยวกับลักลอบนำโทรศัพท์มือถือหรือสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำเป็นจำคุก 5 ปี
