ไกด์ทัวร์จีนร้องกองปราบฯ หลังถูกไกด์เถื่อนทำร้าย ใช้อาวุธปืนไล่ยิง เหตุเกิดทางเข้าโรงแรม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น. นายไพศาล ซื่อธานุวงศ์ อายุ 40 ปี กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยและเลขาธิการชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายสมจิตร แซ่ลี อายุ 25 ปี อาชีพไกด์ทัวร์จีนของบริษัทวีแอลซี ทัวร์ ที่อยู่ในสภาพใบหน้าบวมปูด และมีบาดแผลคิ้วแตก เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2.บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มไกด์เถื่อนต่างชาติทำร้ายและใช้อาวุธปืนไล่ยิง เหตุเกิดที่ร้านอาหารไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ทางเข้าโรงแรมชลจันทร์ ม.1 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 22 ม.ค.
นายสมจิตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มไกด์เถื่อนกลุ่มนี้ ตนเพิ่งปลดประจำการทหารมาจึงมาเรียนเป็นไกด์ได้ประมาณ 7 เดือนแล้ว จนล่าสุดก็เพิ่งสอบได้ใบสมัครประกอบอาชีพไกด์มา จนวันเกิดเหตุได้ไปนั่งรับประทานอาหารในร้านที่เกิดเหตุพร้อมกลุ่มเพื่อนไกด์ และลูกทัวร์ชาวจีนจำนวน 5 คน โดยที่ร้านอาหารมีสายเสียบแจ็กเพื่อเปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือไว้บริการลูกค้า โดยกลุ่มของตนเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้าไปใช้บริการ หลังจากนั้น ได้มีไกด์ทัวร์อีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 7-8 คนเข้าใช้บริการ ขณะที่อยู่ในร้านพวกตนก็เปิดเพลงสนุกสนานกับแขกชาวจีนตามปกติ ระหว่างนั้นไกด์ทัวร์อีกกลุ่มได้ตะโกนบอกพวกตนว่าให้เปิดเพลงเบาๆ หน่อย ตนจึงบอกกับไกด์ทัวร์กลุ่มดังกล่าวว่า ให้มาพูดใกล้ๆ ทำให้กลุ่มไกด์ทัวร์ไม่พอใจลุกเดินเข้ามาที่โต๊ะ และใช้เก้าอี้ฟาดใส่ตนที่ศีรษะ 1 ครั้ง และรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
นายสมจิตร กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุตนพร้อมลูกทัวร์ และเพื่อนๆ ต่างพากันเดินออกนอกร้านเพื่อยุติปัญหา จากนั้นได้มีรถยนต์เก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนขับเข้ามาที่บริเวณร้าน ก่อนที่กลุ่มไกด์คู่อริจะชักอาวุธปืนออกมาไล่ยิงใส่กลุ่มตน จำนวน 4นัด พวกตนเห็นท่าไม่ดีจึงพากับวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทาง นอกจากนี้ลูกทัวร์ชาวจีนของตนที่มาด้วยกัน ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็โดนพวกไกด์เถื่อนชักอาวุธปืนออกมาจ่อศีรษะอีกด้วย
ด้าน นายไพศาล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 ทางชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลางแห่งประเทศไทยได้เคยมาร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม ว่า มีชาวต่างชาติที่ลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เถื่อนจำนวนหนึ่ง มีพฤติกรรมเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจรโดยมีการรวมกลุ่มและใช้อิทธิพลข่มขู่มัคคุเทศก์ชาวไทย ต่อมาเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.)ได้เกิดเหตุกระทบกระทั่งที่เกิดเหตุดังกล่าว หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางละมุง ไว้แล้ว ในวันนี้จึงพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายไพศาล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในประเทศไทยซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลายๆ ครั้งมีความเข้าใจว่า พวกเขาเข้ามาโดยมีความผิดแค่เป็นไกด์เถื่อน แต่ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มกันและมีการสร้างเครือข่าย ถ้าชาวต่างชาติสามารถที่จะพกอาวุธปืนและนำออกมาใช้ในการทะเลาะวิวาทได้ ตนเชื่อว่ามัคคุเทศก์ไทยที่ประกอบอาชีพโดยถูกกฎหมายคงอยู่ลำบากแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง ในส่วนแรก คือ เรื่องของการทำร้ายร่างกาย ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มมัคคุเทศก์เถื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งทาง สภ.บางละมุง ได้รับเรื่องไว้ในเบื้องต้นแล้ว ในส่วนของทางกองปราบปรามก็ได้ให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. บันทึกปากคำและประสานงานไปยังเจ้าของท้องที่เกิดเหตุเพื่อเร่งรัดคดี และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ส่วนอีกกรณีทางตัวแทนสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยได้ร้องขอให้กองปราบปรามช่วยเหลือปราบปรามมัคคุเทศก์เถื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งทางสมาคมจะนำรายละเอียดมอบให้ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป