บช.น.แถลงจับกุมหนุ่มสัญชาติพม่า ก่อเหตุซ่อนตัวภายในห้างมาบุญครองหลังปิดกิจการ ก่อนปรากฏกายกวาดโทรศัพท์มือถือไปขายรวม 55 เครื่อง พบประวัติเคยลักทรัพย์ภายในห้างบิ๊กซีสาขาสะพานควาย ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน และพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
วันนี้ (12ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย สว.กก.สส.บก.น.6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 แถลงผลการจับกุม นายติง ซอ อู อายุ 28 ปี สัญชาติพม่า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.9/2558 ลงวันที่ 10 ม.ค.58 พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากผู้ต้องหาจำนวน 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องหานำไปจำหน่ายให้กับร้านค้า 8 เครื่อง และไอแพดที่ผู้ต้องหานำไปจำหน่ายให้ร้านค้า 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่มารีน่าอพาร์ตเมนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำให้อันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์
พ.ต.ท.เขมรินทร์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 57 นายติง ซอ อู อายุ 28 ปี สัญชาติพม่า ลักลอบเข้าไปในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง จนกระทั่งห้างปิดทำการ ผู้ต้องหาได้ปรากฏตัวออกมาแล้วมุ่งไปที่ชั้น 4 ที่เป็นศูนย์รวมโทรศัพท์มือถือ โดยพยายามที่จะงัดร้านค้าโทรศัพท์มือถือถึง 5 ร้าน แต่สามารถงัดได้ 3 ร้าน รวมทั้งสิ้น 55 เครื่อง เมื่อห้างเปิดทำการในช่วงเช้าผู้ต้องหาจึงแฝงตัวไปกับบุคคลที่เข้ามาภายในห้างแล้วหลบหนีไป จากนั้นผู้ต้องหาได้ทำโทรศัพท์มือถือและไอแพดไปจำหน่ายตามร้านค้าโทรศัพท์มือสองตามสถานที่ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าจำนวน 9 แห่ง รวม 21 ร้าน จำนวนทั้งหมด 34 เครื่อง ส่วนเครื่องที่มีปัญหาผู้ต้องหานำไปทิ้งไว้ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว 10 เครื่อง ทิ้งไว้ในห้องเช่ารายวัน และข้างห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาท่าพระ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือมาได้ 13 เครื่อง
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย 15 ปีที่แล้ว มาประกอบอาชีพรับจ้างต่างๆ ในประเทศจนสามารถรวบรวมเงินเปิดร้านค้าโทรศัพท์มือถือที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนั้นผู้ต้องหาและเพื่อนที่ร่วมลงทุนเปิดร้านโทรศัพท์มือถือมีปัญหากันจนต้องแยกกันไปประกอบธุรกิจอื่น ต่อมาพบว่าผู้ต้องหาเคยไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาสะพานควาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางซื่อสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะก่อเหตุ ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน และพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน ต.ค. 57 ผู้ต้องหาเดินทางไปหาเพื่อนชาวพม่าด้วยกันที่ตลาดสี่มุมเมือง คือ นายจ่อนาย จากนั้นได้หลักทรัพย์เพื่อนคนดังกล่าวจำนวนเงิน 16,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พาสปอร์ต และหนังสือใบแรงงานบุคคลต่างด้าว ต่อมาผู้ต้องหานำเอกสารของนายจ่อนายทั้งหมดไปแสดงตน เมื่อนำโทรศัพท์มือถือไปจำหน่ายตามร้านค้าต่างๆ ต่อมาผู้ต้องหาเข้าไปก่อเหตุในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพระราม 2 โดยกระทำการเช่นเดียวกับที่ก่อเหตุในห้างสรรสินค้ามาบุญครอง ได้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง แล้วสามารถหลบหนีไปได้ จนกระทั่งมาก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองซ้ำอีกในวันที่ 26 ธ.ค. 57 ทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง จำคุกมาแล้ว 1 ครั้ง ในการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือแต่ละครั้งตนจะใช้สำเอกสารของนายจ่อนายแสดงตน และได้ค่าโทรศัพท์มือถือเครื่องละ 4,000-5,000 บาท ในการก่อเหตุแต่ละครั้งตนจะไปแอบในร้านโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้จังหวะตนจะออกมาจากร้านเพื่อก่อเหตุ
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายมาแสดงตัวเพื่อดูของกลางว่ามีของตนกี่ชิ้น และมีผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมตัวมาชี้ตัวผู้ต้องหา