xs
xsm
sm
md
lg

ชายญี่ปุ่นใช้ห้องพักย่านสีลมผูกคอตายหนีโรคภัย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอัตซูฮิโร่ คาวาโมโตะ อายุ 62 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผูกคอตายในห้องพัก
ASTVผู้จัดการ - ตร.ทุ่งมหาเฆมรับแจ้งเหตุชายชาวญี่ปุ่นผูกคอเสียชีวิตภายในห้องพักอาคารไดมอนด์ทาวเวอร์ ซอยสีลม 7 จากการตรวจค้นพบจดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาญี่ปุ่น มีข้อความว่าขอโทษ คาดน่าจะเกิดอาการเครียดอาการป่วย

วันนี้ (18 ธ.ค.) ร.ต.ท.ปรีชา พลซา พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติผูกคอเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 176 ชั้น 14 อาคารไดมอนด์ทาวเวอร์ ซอยสีลม 7 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 22 ชั้น จากการตรวจสอบภายในห้องดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบศพชายต่างชาติชาวเอเชียเสียชีวิตในสภาพศพอยู่ในท่านั่ง ใช้สายไฟสีดำผูกคอตัวเองกับลูกบิดประตูห้องนอน สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขายาวลายพรางทหาร ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ทราบชื่อคือนายอัตซูฮิโร คาวาโมโตะ อายุ 62 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง จากการตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกรื้อค้นแต่อย่างใด พบเพียงจดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาญี่ปุ่น มีข้อความสั้นๆ ว่า “ขอโทษ” เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ร.ต.ท.ปรีชากล่าวว่า จากการสอบสวนเพื่อนชาวญี่ปุ่นและเพื่อนสาวชาวไทยเบื้องต้นทราบว่า นายอัตซูฮิโรทำงานเป็นเซลส์ขายนาฬิกายี่ห้อหนึ่ง เดินทางไปมาระหว่างญี่ปุ่นกับไทยบ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวเป็นคนดื่มประกอบกับมีอาการป่วยจึงต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายครั้ง โดยล่าสุดเมื่อช่วง 15.00 น.ของวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอัตซูฮิโรเพิ่งเดินทางกลับมาจากโรงพยาบาล จากนั้นเวลา 23.00 น.เพื่อนนายอัตซูฮิโรชาวญี่ปุ่นก็โทรศัพท์มาพูดคุย แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ด้วยความเป็นห่วงจึงเดินทางมาหาที่ห้องพัก แต่ประตูห้องล็อกจากด้านในจึงติดต่อฝ่ายอาคารให้ช่วยกันพังประตูเข้าไปก็พบผนายอัตซูฮิโรใช้สายไฟผูกคอเสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะเครียดกับอาการป่วยของตัวเองจึงตัดสินใจผูกคอตายเองดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะส่งศพให้ทางแผนกนิติเวชศาสตร์ทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น