หนุ่มปทุม ซิ่งเก๋งฮอนด้าซีวิค พุ่งชนต้นไม้ริมถนนเลียบคลอง 10 รถขาด 2 ท่อน ศพกระเด็นตกลงไปในคลองดับพร้อมเพื่อนอีกราย ญาติเผยคนขับทำงานที่สนามบินดอนเมือง และเพิ่งขับรถไปรับเพื่อนเพื่อกลับบ้าน ก่อนเคราะห์ร้ายมาประสบเหตุเสียชีวิต
เมื่อเวลา 02.00 น.วันนี้ (15 พ.ย.) พ.ต.ท.สมประสงค์ ปริชานิ สารวัตรสอบสวน สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานีได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งชนต้นไม้แล้วตกไปในคลอง และมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณถนนเลียบคลอง 10 (มุ่งหน้าหนองเสือ) หมู่ที่ 3 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ร่วมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองเสือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอุปกรณ์ดำน้ำ
ที่เกิดเหตุพบประชาชนมุงดูเป็นจำนวนมาก และพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วร 6711 กทม. ส่วนตัวรถนั้นขาด 2 ท่อน อยู่ในลำคลอง และพบศพรายแรกคือ นายชลธี ดีปั่น อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1ม.3 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ที่เสียชีวิตลอยอยู่ในคลอง ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงได้ช่วยกันนำร่างขึ้นมาไว้บนบกก่อน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ใช้ชุดประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลงไปงม และค้นหา กระทั่งพบศพผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่ติดอยู่ภายในตัวรถฝั่งคนขับ ทราบชื่อคือ นายทิชากร ทองดี อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 4 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นคนขับรถ ทราบว่าทำงานอยู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ไม่ทราบตำแหน่ง
จากการสอบถาม นายศราวุธ หาธรรม อายุ 25 ปี ชาวบ้าน และผู้พบเห็น กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ และได้ยินเสียงดังเหมือนรถชนกัน จึงได้ชวนเพื่อนๆ ออกมาดูก็พบว่าเป็นรถที่ชนกับต้นไม้ และตกลงไปในคลองจึงกระโดดน้ำเข้าไปช่วยเพราะเห็นมีคนลอยน้ำอยู่ แต่ว่าเสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว
เวลาต่อมา ทางพ่อกับแม่ และพี่น้อง ของนายทิชากร ผู้ตายได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ถึงกับกระโดดลงไปในน้ำ และร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายออกไปรับเพื่อนที่ปากทางคลอง 10 และคงขับมาด้วยความเร็ว ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ จนรถยนต์ขาด 2 ท่อน และตัวรถตกลงไปในน้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าวทั้ง 2 ราย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน และตรวจสอบที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำศพผู้ตายไปชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ (ศูนย์รังสิต) เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
