ทนายความ “อ.หนู กันภัย” หอบเอกสารหลักฐานแจ้งความ ปอท. แจ้งจับผู้ที่แอบอ้างโพสต์เฟซฯ ในนามสำนักสักยันต์ โดยใส่ร้าย อ.หนู วางแผนขายทรัพย์สมบัติเตรียมหนีเพราะพ่ายแพ้คดีความทั้งหมดในศาล ชี้เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายมนตรี ภูมิดินแดน ทนายความที่ปรึกษา ของนายสมพงษ์ กันภัย หรืออาจารย์หนู กันภัย นักสักยันต์ชื่อดัง ได้นำเอกสารหลักฐานแจ้งความกับ ร.ต.ท.จรัส แก้วสง่า พนักงานสอบสวน บก.ป.อ.ท.เพื่อให้ดำเนินคดีกรณีที่มีผู้แอบอ้างใช้ชื่อของสำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย โพสต์ขข้อความอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้แก่ทางสำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย
นายมนตรี ภูมิดินแดน ทนายความที่ปรึกษาของสำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย ได้เปิดเผยว่าการที่ได้มาร้องทุกข์แจ้งความ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในครั้งนี้เพราะมีผู้ไม่หวังดีเปิดเฟซบุ๊กปลอมโดยใช้ชื่อว่า สำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย เป็นการละเมิดกฎหมายสร้างความเสื่อมเสียด้วยการแอบอ้างทางสำนักและหน่วยงานราชการต่างๆ จนทำให้ผู้ที่ได้รับข้อความเกิดการเข้าใจผิด ซึ่งตรวจสอบพบว่าบางข้อความนั้นมีการส่งต่อ (แท็ก) ไปยัง เนย โชติกา, ตั๊ก บริบูรณ์ รวมทั้งลูกศิษย์ศิลปินดาราของอาจารย์หนู กันภัย และทำให้ทางสำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย ได้รับความเสียหายโดยตรง โดยเฉพาะอาจารย์หนู กันภัย มีลูกศิษย์ให้ความเคารพศรัทธาจำนวนมาก เกิดความเข้าใจผิดในการแอบอ้าง จึงต้องเข้าแจ้งความให้ทาง บก.ป.อ.ท.ตรวจสอบหาตัวตนบุคคลที่ได้เปิดเฟซบุ๊กดัง กล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทางด้านนายสมพงษ์ กันภัย หรืออาจารย์หนู กันภัย กล่าวว่าทางสำนักสักยันต์ มีเฟสบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า “อาจารย์หนู กันภัย (โดยคณะศิษย์เก่า)” เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ไม่หวังดีเปิดเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาและใช้ชื่อว่า “สำนักสักยันต์อาจารย์หนู กันภัย” และโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จทำให้สำนักนั้นเสื่อมเสียและเสียหาย บางครั้งมีการส่งข้อความไปยังดารานักแสดงที่เป็นลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพจนทำให้มีการสับสน โดยล่าสุดมีข้อความระบุว่า อ.หนูวางแผนขายทรัพย์สมบัติเตรียมหนี โดยกล่าวหา อ.หนูพ่ายแพ้คดีความทั้งหมดในศาลซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยคดีทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินคดีของศาลทั้งทางแพ่งและอาญา ที่ร้ายกว่านั้นมีการแอบอ้างหน่วยงานสำคัญของทางราชการทั้ง คสช., DSI และกองปราบปราม รวมถึงสรรพากรด้วย โดยการกระทำของบุคคลที่ได้มีการเปิดเฟซบุ๊กปลอมในครั้งนี้ ตนรู้ตัวแล้วว่าเป็นใครแต่ไม่สามารถเอาผิดโดยตรงได้ จึงให้ทนายความนำเอกสารหลักฐานที่มีไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ป.อ.ท.) เพื่อนำตัวผู้ที่เปิดเฟซบุ๊กปลอมรวมถึงบุคคลที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป