กองปราบปรามประกาศให้ “สันติ ศรีธนะขัณฑ์” เสี่ยเจ้าของร้านเพชร มารับรถเบนซ์ของกลางที่ภรรยาและลูกถูกฆ่าอำพรางในคดี “อาถรรพ์เพชรซาอุฯ” คืนไป เนื่องจากคดีหมดอายุความแล้ว อีกทั้งรถคันที่เป็นคดีความอื่นๆ โอดไม่มีที่เก็บของกลางแล้ว
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กองปราบปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ใช้รถยกเคลื่อนย้ายรถเบนซ์ 230 อี (รุ่นท้ายโลงจำปา) สีขาว ทะเบียน 8 ฉ 3237 กรุงเทพมหานคร ออกจากใต้ถุนอาคารกองปราบปรามเดิมที่ถูกทุบทิ้ง มาไว้บริเวณด้าน บก.ป.ที่กำลังก่อสร้างใหม่ ทั้งนี้ได้มีการนำเอาข้าวแกงสองกล่อง น้ำดื่มสองขวดและจุดธูป 1 ดอกปักไว้บนกระโปรงรถเบนซ์คันดังกล่าวด้วย
รถเบนซ์คันกล่าวเป็นรถที่นางดาราวดี และ ด.ช.เสรี สองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ถูกตำรวจใช้กระทำฆาตกรรมอำพรางโดยจัดฉากว่าถูกรถสิบล้อชน หลังจากที่ทั้งสองเสียชีวิตขณะถูกตำรวจนำตัวไปกักขัง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2537 บนถนนมิตรภาพ ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ทั้งนี้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ สามีและบิดาผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพชรย่านบ้านหม้อ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเพชรของกลางที่นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ชาวลำปางขโมยมาจากวังเจ้าชายไฟซาล แห่งซาอุดิอาระเบีย
ด้าน พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป. กล่าวถึงการดูแลรักษาของกลางในคดีต่างๆ ของ บก.ป.ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูลรื้อถอนตึกที่ทำการ เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาสร้างตึกที่ทำการใหม่แทนว่า สำหรับของกลางในคดีต่างๆ รวมทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ที่อยู่ในการดูแลของกองปราบปรามจะต้องให้พนักงานสอบสวนทำเรื่องไปถึงเจ้าของผู้ครอบครองว่ามีความประสงค์อย่างไร
สำหรับรถเบนซ์ของกลางในคดีสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์นั้น เวลานี้คดีก็หมดอายุความไปแล้วและผู้ต้องหาในคดีนี้ก็พ้นโทษออกมาจากคุกกันไปหมดแล้ว รวมทั้ง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องติดต่อแจ้งไปทางนายสันติซึ่งลูกและภรรยาของเขาเสียชีวิตในรถคันดังกล่าวให้มารับรถคันนี้กลับคืนไป เนื่องจากพื้นที่กองปราบปรามไม่มีที่เก็บรักษาให้แล้ว โดยอาจจะมารับด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้ใครมารับแทนก็ได้ ฝากประกาศผ่านสื่อมวลชนไปอีกทางหนึ่งด้วย
“ถ้าเขาประสงค์จะเอาคืนก็ขอให้มารับกลับคืนได้เลย ไม่ใช่แต่รถเบนซ์คันนี้เท่านั้น รถคันอื่นๆ ตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนก็ตาม ที่เป็นของกลางเจ้าของสามารถติดต่อขอรับคืนได้ หรือถ้าจะเอาไปขายเป็นเศษเหล็กหรือบริจาคให้วัดหรือมูลนิธิต่างๆ ก็แล้วแต่ความประสงค์ของเขา เพราะเราไม่มีที่จะเก็บแล้ว” ผบก.ป.กล่าว
พล.ต.ต.ชัยทัตกล่าวด้วยว่า ตอนที่ตนดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.2 ป. รถเบนซ์คันนี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในใต้ถุนตึก และมีคนนำสุนัขมาปล่อย ตนอยากได้เอาไปเลี้ยงดู จึงให้ตำรวจคอมมานโดช่วยกันเอาตาข่ายขึงล้อมรถคันนี้ที่สุนัขตัวนั้นวิ่งเข้าไปหลบ ปรากฏว่าเจองูเหลือมตัวใหญ่เลื้อยออกมาแทน ตำรวจเก่าๆ ที่เห็นบอกว่ารถคันนี้เป็นคันที่สองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ตายในรถ ตั้งแต่นั้นตนไม่ลงไปใต้ถุนตึกอีกเลย
ด้านลุงเปี๊ยก วัย 62 ปี (ขอสงวนชื่อจริงและนามสกุล) ชาวรังสิต เจ้าของรถบรรทุกรถสิบล้อยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน 77-4312 กรุงเทพมหานคร ซึ่งรับจ้างขนดินในไซต์งานกองปราบปรามกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ยกรถเบนซ์คันดังกล่าวออกมาจากใต้ถุนอาคาร จากนั้นเวลา 2 ทุ่ม ขณะที่ตนจอดรถนั่งดูทีวีอยู่ในรถบรรทุก รู้สึกว่ารถได้สั่นสะเทือนเหมือนถูกชนจากบริเวณด้านหลัง ตอนแรกคิดว่าถูกเพื่อนแกล้งให้ตกใจเนื่องจากรับรู้เรื่องราวสยองขวัญของผีกองปราบมาบ้างแล้ว แต่ตนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จึงเปิดประตูลงมาดูปรากฏว่าไม่มีใคร แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนมาทราบข่าวว่าบริเวณที่ตนจอดรถบรรทุกนั้นได้ไปขวางทางรถเบนซ์ที่สองแม่ลูกฆาตกรรม