“พงศพัศ” นั่งหัวโต๊ะถกความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ระบุ เฟสแรก 181 แห่ง โดยภาพรวมเรียบร้อยดี รอเพียงงบประมาณลงมาคาดต้นเดือนหน้าเริ่มก่อสร้าง ขณะที่วันที่ 28 ต.ค. นี้ เตรียมสรุปตัวเลขมูลค่าความเสียหายจากผู้รับเหมารายเดิม เพื่อเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย
วันนี้ (21 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบงานบริหาร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง โดยมี พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล รักษาราชการแทน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท. ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.), สำนักงานงบประมาณและการเงิน (สงป.ตร.) และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังได้รับมอบหมายหน้าที่ สำหรับโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก 181 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามกรอบงบประมาณปี 2558 สามารถเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาได้แล้ว 180 แห่ง ภายในสิ้นเดือนนี้ เมื่อได้รับงบประมาณมาก็สามารถดำเนินก่อสร้างได้เลยส่วนอีก 1 แห่ง ที่เป็นปัญหาคือ ที่ สภ.สาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งยังไม่สามารถเซ็นสัญญาจัดจ้างได้เพราะมีผู้รับเหมาเพียงรายเดียวที่เสนอราคาเข้ามา จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ภาณุ ลงไปตรวจสอบในเรื่องของราคากลางว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะที่ส่วนที่สองตามที่คณะรักษาความสงบแแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจเพิ่มเติมอีก 215 แห่ง ที่เหลือใน 59 จังหวัด นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการศึกษาเพื่อกำหนดราคากลางและจัดทำเอกสารประกอบโครงการ หรือ ทีโออาร์ เพื่อเสนอของบประมาณต่อไป โดยจะใช้งบประมาณของปี 2558 และ 2559 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างวันที่ 1 ม.ค. 2558 ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับปัญหาในอดีตที่ผ่านมา
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายในโครงการเก่าที่ต้องดำเนินการนั้น ก็ได้สั่งการให้สำนักงานกฎหมายและคดีและกองโยธาธิการไปตรวจสอบเพื่อประเมินค่าเสียหายว่ามีจำนวนเท่าใดให้ได้ภายในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ โดยจากการหารือกับอัยการ แนะนำให้คิดมูลค่าความเสียหายเป็นรายสถานี ซึ่งคิดจากงบประมาณที่ใช้ในการสร้างสถานีตำรวจ ณ ปัจจุบัน ในแต่ละหลังว่าใช้เงินจำนวนเท่าใด ซึ่งคาดว่าค่าเสียหายอาจจะมากกว่า 8,000 ล้านบาท โดยในวันที่ 28 ตุลาคม นี้ จะเรียกประชุมสรุปค่าเสียหายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
