ตำรวจภูธร 1 แถลงจับผู้ต้องหางัดตู้เติมเงินโทรมือถือยกแก๊ง สารภาพตระเวนก่อเหตุมาแล้วกว่า 60 ครั้ง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล มูลค่าความเสียหายเกือบ 3 ล้าน เพื่อนำเงินที่ได้มาไปเสพยาบ้า อีกคดีจับแก๊งค้ายาเสพติดในท้องที่พระประแดงได้ผู้ต้องหา 4 รายขยายผลตามยึดทรัพย์
วันนี้ (20 ต.ค.) พล.ต.ต.คเชนท์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ พ.ต.อ.วัชรินทร์ ประสพดี พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก. พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ไกรวชิรสิทธิ์ ผกก.สภ.พระประแดง นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒน์พงษ์ ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค1 พร้อมตำรวจ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ทหารจากกองร้อยรักษาความสงบ กองพันทหารม้าที่ 19 จ.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 1 ร่วมกันแถลงผลการจับการกุม นายสุเมธา นางบวช อายุ 25 ปี น.ส.ดวงผกา ศรีนาค อายุ 36 ปี และนายชินวัตร พิมพา อายุ 18 ปี 3 ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์เงินในตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือของบริษัท MY PAY จำกัด พร้อมของกลางรถยนต์ 1 คัน และอุปกรณ์ช่างสำหรับงัดตู้เติมเงิน โดยสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุมาแล้วทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 64 ครั้ง ได้เงินสดไปราว 2 ล้าน 5 แสนบาท นำเงินที่ได้ไปซื้อยาบ้ามาเสพ
ส่วนอีกคดีทางชุดปราบปรามยาเสพติดของ สภ.พระประแดง สามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้อีก 4 ราย ประกอบด้วย นายอำนวย วิเชียรชม อายุ 52 ปี นางจันทร์เพ็ญ จิตรชื่น อายุ 33 ปี นายอลงกรณ์ เกสร อายุ 40 ปี นายประชุม เฌอร์กิจ อายุ 44 ปี และนายวรากร ผาสุก อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 2,500 เม็ด ยาไอซ์ 39 กรัม โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าติดต่อสั่งซื้อยาจากญาติที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งใน กทม.และจะนำมาจำหน่ายให้แก่รายย่อยในพื้นที่ อ.พระประแดง
พล.ต.ต.คเชนท์ คชพลายุกต์ รองผ บช.ภ.1 กล่าวว่า ทั้งสองคดีมีส่วนเชื่อมโยงกันเพราะยาเสพติดถึงแม้จะไม่ใช่เครือข่ายเดียวกันก็ตาม เนื่องจากผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์มีแรงจูงใจต้องการหาเงินจำนวนมากไปซื้อยาบ้ามาเสพ ส่วนผู้ต้องหาในคดียาก็เป็นผู้จำหน่าย ดังนั้นแนวทางในการสืบสวนที่ได้มอบหมายเป็นนโยบายให้นั้น ทางชุดสืบสวนจะต้องดำเนินการขยายผลในทุกคดีโดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการ รวมถึงต้องดำเนินการยึดทรัพย์ด้วย เพื่อตัดวงจรขบวนการเหล่านี้ไม่ให้สามารถจำหน่ายได้อีกต่อไป
ส่วน ดร.วีณารัตน์ วรวงษ์ ผู้ถือหุ้นชาวไทย บริษัท MYPAY จำกัด กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ย. 57 รวมระยะเวลา 8 เดือน บริษัทมีความเสียหายแล้ว 3 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับตู้เติมเงินที่วางให้บริการในพื้นที่ กทม.ทั้ง 51 เขต และสมุทรปราการ หลังจากนี้ทางฝ่ายไอทีของบริษัทจะพัฒนาระบบความปลอดภัยให้กับตู้เติมเงินมากขึ้นทั้งโครงสร้างและระบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประสานข้อมูลกันจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง
