“ปวีณา” แจ้งกองปราบฯ จับแก๊งสิบแปดมงกุฎ ลวงเด็กอยากทำงานหารายได้เสริม เปิดบัญชีธนาคารตุ๋นขายไอโฟน-รับโอนค่าวัสดุก่อสร้าง เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานวุฒิภาวะไม่มากพอ พร้อมจี้ตำรวจเร่งจับก่อนไปหลอกใครอีก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (10 ต.ค.) ที่กองปราบปราม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พานายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี กับพวกรวม 3 คน เข้าพบ พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ รักษาการ ผบก.ป. แจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิเดช นครชัย หลังจากมีพฤติการณ์เปิดเฟซบุ๊กประกาศรับสมัครผู้ที่สนใจทำงานพิเศษ คือ ทำหน้าที่ยืนยันรับรายการสั่งซื้อสินค้า แต่ภายหลังกลับพบว่าเป็นการหลอกลวงผู้เสียหายให้เปิดบัญชีธนาคารแล้วนำไปใช้กระทำความผิด จนผู้เสียหายถูกแจ้งความดำเนินคดี
นางปวีณากล่าวว่า ผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับตนว่าได้พบเฟซบุ๊กประกาศรับสมัครทำงานพิเศษจึงสนใจเพราะต้องการหารายได้เสริม เมื่อติดต่อไปก็ระบุว่างานที่ให้ทำมีรายได้สัปดาห์ละ 5,000 บาท แต่จะต้องเปิดบัญชีธนาคารไว้ แล้วจะมีเงินโอนเข้ามาครั้งละ 10,000 บาท ขอให้ไปถอนออกมาซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ พร้อมให้แจ้งรหัสบัตรเติมเงิน แล้วฉีกสลิปบัตรเติมเงินทิ้งไป ผู้เสียหายทำแบบนี้อีก 4 ครั้ง
กระทั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ถูกแจ้งความดำเนินคดีโดยผู้ที่แจ้งความอ้างว่าโอนเงินสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 ผ่านบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย แต่กลับไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด ทางผู้เสียหายไม่ทราบเรื่อง คาดว่าเป็นฝีมือของนายอภิเดชที่หลอกลวงโดยใช้บัญชีธนาคารผู้เสียหาย
นางปวีณากล่าวว่า สำหรับกรณีของผู้เสียหายอีกราย พบว่าระหว่างที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้ทำบัตรประชาชนหาย ภายหลังจึงทราบว่าถูกนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคารถึง 8 แห่ง และถูกใช้รองรับการโอนเงินชำระสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างรวมกว่า 1 ล้านบาท เมื่อผู้เสียหายทราบเรื่องว่าถูกนำชื่อไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร และหลอกลวงผู้อื่นในการโอนเงินค่าสินค้า จึงรีบไปแจ้งอายัดบัญชีทันที โดยธนาคารพาณิชย์บางแห่งตรวจสอบภาพจากตู้เอทีเอ็มที่มีการถอนเงินออกไป สามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้
“เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ และกรณีดังกล่าวอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่า ผู้ที่สนใจจะทำงานหรือหารายได้พิเศษ ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน อย่าหลงเชื่อผู้ที่ชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊กลักษณะนี้ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรให้คำแนะนำ และดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น”
นางปวีณากล่าวว่า เทคโนโยลีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้งก็หลอกลวงกัน โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ หรืออาจหลงกลอุบายที่เอาเรื่องงานและเงินมาล่อ ซึ่งเรื่องนี้ทางมูลนิธิจะติดตามความคืบหน้าและช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าไม่ได้กระทำผิด เพียงแต่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ไปหลอกใครได้อีก
ด้าน พ.ต.อ.ชัยทัต มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับเรื่องไว้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป