xs
xsm
sm
md
lg

รวบหนุ่มเขมรฉกทรัพย์เหยื่อที่ป้ายรถเมล์ถนนอิสรภาพ เพื่อนร่วมแก๊งหนีไปได้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รวบหนุ่มเขมรฉกทรัพย์ที่ป้ายรถประจำทางถนนอิสรภาพ เหยื่อรู้ตัวช่วยกันไล่จับได้ 1 ราย เพื่อนร่วมแก๊งหนีไปได้ สารภาพหลบหนีเข้าเมืองมาทำงานก่อสร้าง-เข็นของในตลาดย่านพระสมุทรเจดีย์ แต่รายได้ไม่พอส่งให้ลูก 2 คนที่บ้านเกิด เลยชวนเพื่อนตั้งแก๊งหากินย่านคนพลุกพล่าน

เมื่อเวลา 00.30 น.วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ สน.บุปผาราม พ.ต.ท.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส.สน.บุปผาราม ร.ต.อ.อนันต์ สว่างอัมพร รอง สว.สส.สน.บุปผาราม และร.ต.อ.เสกสรรค์ ปะเทสังข์ รอง สว.สส.สน.บุปผาราม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเบิ้ม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติกัมพูชา พร้อมของกลางแท็บเล็ตซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ 3 จำนวน 1 เครื่อง เงินสด 500 บาท บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และกระเป๋าเป้สีดำ 1 ใบ โดยจับกุมตัวได้หลังก่อเหตุล้วงกระเป๋าผู้เสียหาย 2 คน ที่ป้ายรถประจำทางตรงข้ามห้างบิ๊กซี สาขาถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กทม.

พ.ต.ท.ปราโมทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (1 ต.ค.) นายเบิ้มซึ่งหลบหนีเข้าเมือง ได้ร่วมกับนายตรี อายุ 35 ปี เพื่อนสัญชาติเดียวกันที่ยังหลบหนี ตั้งแก๊งล้วงกระเป๋าผู้เสียหายบริเวณป้ายรถประจำทาง 2 ราย รายแรกชื่อ น.ส.ปาริฉัตร จิตเจริญ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอส 1 เครื่อง เงินสด 500 บาท และบัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และนายจตุรวิช หรืออู๋ กลมเกลี้ยง อายุ 24 ปี นักแสดงซีรีส์ละครธรรมนำชีวิต ได้แท็บเล็ตซัมซุงกาแล็กซี่ แท็บ 3 จำนวน 1 เครื่อง

หลังก่อเหตุผู้เสียหายทั้งสองรายรู้สึกตัวว่าถูกล้วงกระเป๋าจึงช่วยกันวิ่งไล่จับกุมนายเบิ้มเอาไว้ได้พร้อมของกลาง แต่โทรศัพท์มือถือของ น.ส.ปาริฉัตร นายเบิ้มได้ส่งให้นายตรี ก่อนที่นายตรีจะหลบหนีไปได้

จากการสอบสวน นายเบิ้มรับสารภาพเป็นภาษาไทยชัดเจนว่าเคยลักลอบเข้าเมืองไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จับกุมและถูกผลักดันกลับประเทศ ต่อมาได้หาโอกาสลักลอบเข้ามาอีกครั้งเมื่อประมาณต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา รับจ้างเป็นคนงานก่อสร้างและเข็นของในตลาดย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ แต่รายได้ไม่พอส่งกลับไปเลี้ยงลูกสาวที่บ้านเกิด 2 คน จึงชักชวนนายตรีวางแผนล้วงกระเป๋าเหยื่อบริเวณป้ายรถประจำทางฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอิสรภาพ เนื่องจากเห็นว่าคนพลุกพล่าน โดยไม่คิดว่าจะมีผู้เสียหายรู้ตัวจนถูกช่วยกันตามจับกุมไว้ได้

น.ส.ปาริฉัตรกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเพิ่งเลิกเรียน จึงชักชวน น.ส.ศิลาณี ลอยเลื่อน อายุ 22 ปี เพื่อนร่วมห้องไปไหว้พระที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ย่านวังหลัง โดยเดินจากสถาบันมารอรถประจำทางที่ป้าย เมื่อรถมาถึงกำลังจะขึ้นประตูหน้า จู่ๆ นายเบิ้มได้มาเบียดแย่งขึ้นรถแบบร้อนรน จากนั้นรีบเดินลงจากรถทางประตูหลัง เมื่อรถแล่นออกจากป้ายได้สักพัก รู้สึกว่ากระเป๋าสะพายใบเล็กข้างตัวมีน้ำหนักเบาผิดปกติ เมื่อก้มดูพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดถูกล้วงเอาไปแล้วจึงรีบตะโกนบอกให้พนักงานขับรถจอดแล้วลงจากรถไปกับ น.ส.ศิลาณี เพื่อวิ่งย้อนไปตามหาตัวนายเบิ้มที่ป้ายรถประจำทางอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าน่าจะยังวนเวียนอยู่แถวนั้น

เมื่อตนกับเพื่อนวิ่งมาถึงป้ายรถประจำทางก็พบนายเบิ้ม เมื่อนายเบิ้มเห็นตนก็รีบวิ่งหนีทันที โดยพยายามวิ่งขึ้นรถประจำทางสาย 40 เพื่อหนีไปย่านวังหลัง ตนและเพื่อนจึงวิ่งไล่ตามขึ้นไปลากตัวลงมาจากบนรถ โดยมีนายจตุรวิช ผู้เสียหายอีกรายที่ถูกก่อเหตุหลังตนช่วยวิ่งตามมาจับกุมตัวด้วย

นายจตุรวิชกล่าวว่า ปัจจุบันเป็นอาจารย์อิสระรับสอนดนตรีและร้องเพลง นอกจากนั้นยังเป็นนักแสดงอิสระ มีผลงานการแสดงซีรีส์ละครธรรมนำชีวิต ทางช่อง 3 มาแล้ว 2 ตอน คือ ตอนความดีของพ่อ และตอนฉากคนชั่ว ก่อนเกิดเหตุนั่งรถประจำทางสาย 40 มากับลูกศิษย์จากย่านหัวลำโพง เพื่อซื้อสายกีตาร์ที่ซอยมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ระหว่างที่นั่งรถก็เสียบหูฟังเข้ากับแท็บเล็ตมาตลอดทาง ขณะที่รถแล่นมาถึงป้ายดังกล่าวซึ่งห่างจุดหมายเพียง 100 เมตร ตนและลูกศิษย์พากันลงจากรถ จังหวะที่เท้าแตะพื้นฟุตปาธตรงป้ายรถเพียงชั่วครู่ ปรากฏว่าเพลงที่ฟังอยู่เกิดเงียบหายไป ทีแรกนึกว่าแบตเตอรี่แท็บเล็ตหมดหรือหูฟังหลุดจากแจ็กเสียบ แต่เมื่อเอามือควานเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างตัว ปรากฏว่าแท็บเล็ตหายไปแล้ว สักพักตนเห็นน้องนักศึกษาสาว 2 คน วิ่งไล่กวดจับกุมคนร้ายผ่านหน้าไปพอดี จึงเข้าไปช่วยน้องจนทราบว่าแท็บเล็ตของตนถูกคนร้ายรายเดียวกันลักทรัพย์เอาไปด้วยเหมือนกัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในย่านสาธารณะ และเป็นบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ดำเนินคดีและผลักดันกลับประเทศต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น