ตำรวจภาค 1 รวบสองผัวเมียตระเวนใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ในเขตภาคกลาง เหตุเงินเดือนไม่พอใช้เนื่องจากมีลูกเล็ก 2 คนที่ต้องดูแล ล่าสุดภรรยาตั้งท้องอ่อน ญาติไม่ให้การช่วยเหลือด้านการเงิน จึงตัดสินใจก่อเหตุ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬห์ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ. 1 พ.ต.อ.ไกรเขต บุรีรักษ์ ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.อมร ศรีทุนะโยธิน ผกก.สภ.หนองแค พ.ต.อ.ทักษพงศ์ รื่นกลิ่น พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ ผกก.สภ.วังน้อย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้านคดีชิงทรัพย์ ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายสมชาย คล้ายคลึง อายุ 29 ปี และน.ส.พัชรินทร์ อ่อนละมุน อายุ 19 ปี พร้อมของกลางจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟไอ สีแดง ทะเบียน 1 กข 5930 พระนครศรีอยุธยา หมวกกันน็อกสีดำ มีดอีโต้ เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ หมวกลายสกอต มีดพกปลายแหลม รองเท้าแตะสีชมพู โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าวว่า สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ในหลายพื้นที่ ได้แก่ เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 2 สิงหาคม ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ร้านเอ็นเจ มาร์ท จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสด 20,000 บาท, เวลา 01.10 น.วันที่ 28 สิงหาคม ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสด 15,000 บาท, เวลา 22.00 น.วันที่ 4 กันยายน ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ร้าน 108 ช็อป หน้าอาคารพีเค อพาร์ตเมนต์ จ.สระบุรี ได้เงินสด 19,007 บาท, เวลา 03.30 น.วันที่ 19 กันยายน ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จ.สระบุรี ได้เงินสด 28,511.25 บาท ล่าสุดได้ก่อเหตุอีกเมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 25 กันยายน ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสด 4,000 บาท จนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนายสมชายให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนและภรรยาทำงานโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่เงินเดือนไม่พอใช้เนื่องจากมีลูกเล็กสองคนที่ต้องดูแลจึงตัดสินใจก่อเหตุ ต่อมาได้ลาออกจากโรงงานพร้อมภรรยา เพราะภรรยาตั้งท้องอ่อน มีอาการแพ้ท้อง ทำงานไม่ได้ อีกทั้งครอบครัวก็ไม่ให้การช่วยเหลือเรื่องเงิน
ต่อมา พล.ต.ต.ภานุรันต์ มีเพียร ที่ปรึกษาบริษัท ซีพีออล ได้เดินทางเข้ามอบกระเช้าเพื่อแสดงความชื่นชมและขอบคุณตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยมีอาวุธในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม พาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเห็นอันควร ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป