กองปราบจับแล้วรุ่นพี่รุมกระชากผมจิกหัวสาวรุ่นน้อง สมัยเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนดังย่านบางพลี จนได้รับบาดเจ็บพิการเดินไม่ได้ ผู้ต้องหายอมรับอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้ลงมือทำร้าย
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รักษาการ ผบก.ป.พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.อภิรักษ์ วงษ์มณี พ.ต.ท.ศราณุ โสมทัต รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.กก.2 บก.ป. บก.ป. พร้อมกำลังจับกุม น.ส.บังอร แสงลุน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ม.13 ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการแผนกคดีเยาวชน ที่ 3/2545 ลง 23 พ.ย. 2545 คดีร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา น.ส.สายฝน มาน้อย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/2 ม.7 ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ซึ่งพิการเดินไม่ได้ พร้อม นายจวน มาน้อย อายุ 58 ปี บิดาของ น.ส.สายฝน ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ที่ กองบังคับการปราบปราม โดยมี นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นผู้ประสานงานพาเข้าพบ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อ 28 ม.ค. 2545 สมัยที่ น.ส.สายฝน เป็นเยาวชนเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนดังย่านบางพลี สมุทรปราการ ได้ถูกอดีตนักเรียนรุ่นพี่ ม.3 โรงเรียนเดียวกัน จำนวน 7 คน รุมทำร้ายด้วยการจิกกระชากผมจนล้มแล้วรุมกระทืบซ้ำที่บริเวณหลัง ขณะที่ น.ส.สายฝน พยายามห้ามและขอร้องช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกันกำลังโดนรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าวรุมทำร้ายแย่งแหวนรุ่น ภายในโรงเรียนดังย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ จนตัวเองได้รับอันตรายบาดเจ็บ รุ่นพี่ 7 คน โดนทางโรงเรียนทำโทษว่ากล่าวตักเตือนภาคทัณฑ์ ส่วนตัวเองเมื่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลับส่งผลให้เกิดความพิการแก่กายขาทั้ง 2 ข้างไม่มีแรงอันเป็นผลมาจากกระดูกสันหลังได้รับความกระทบกระเทือนเป็นหนองที่ข้อต่อ แม้จะผ่าตัดรักษาแล้วไม่สามารถเดินได้
ครอบครัว น.ส.สายฝน แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับเพื่อนนักเรียนรุ่นพี่ ม.3 ทั้ง 7 คน โดยคดีขึ้นสู่ศาลจังหวัดสมุทรปราการแผนกคดีเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งเป็นจำเลยในคดี 3 คนเข้ามอบตัวตั้งทนายสู้คดี
จนเวลาผ่านมา 7 ปี พ.ศ. 2552 ศาลจังหวัดสมุทรปราการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ได้พิพากษาตัดสินคดีว่ากล่าวตักเตือนจำเลยทั้ง 3 คน โดยเห็นว่าเป็นเยาวชนและเพิ่งกระทำความผิดครั้งแรก รวมทั้งได้จ่ายเงินชดใช้กับผู้เสียหายผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน รวมเป็นเงินรายละ 30,000 บาท และผู้ต้องหาที่ 4 ติดต่อมอบตัวต่อศาลฯ ขอชดใช้เพื่อบรรเทาให้ น.ส.สายฝน ในเวลาต่อมาอีก 1 ราย โดยวางเงินไว้จำนวน 20,000 บาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน หลบหนีไม่ยอมเข้ามอบตัว ตำรวจ สภ.บางพลี ก็ไม่ติดตามจับกุม ทั้งทีหมายจับมีอายุความถึงปี พ.ศ. 2560
พล.ต.ต.นรบุญ ได้กำชับให้ชุดจับกุมเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ
จนเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 ก.ย. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สืบสวนทราบว่า น.ส.บังอร แสงลุน ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 3/2545 ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น จึงนำกำลังไปตรวจสอบและพบตัว น.ส.บังอร ซึ่งหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านพี่เขย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมตัว น.ส.บังอร มาสอบสวนให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าว เบื้องต้นให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ลงมือทำร้าย น.ส.สายฝนด้วย ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี รับไปดำเนินคดีส่งฟ้องศาลต่อไป