รวบตระกูลขี้โกงจัดฉากตุ๋นอดีตข้าราชการครู อ้างเมียเป็นลูกสาวสุลต่านประเทศบรูไน ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ และมีทรัพย์สินมหาศาลแต่ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ ชักชวนเหยื่อร่วมลงทุนหาเงินจ่ายค่าธรรมเนียมไถ่ถอน เสนอค่าตอบแทน 1 ล้าน ได้ส่วนแบ่ง 100 ล้าน เหยื่อหลงเชื่อจึงโอนเงินให้หวังลาภก้อนโต รวมมูลค่าความเสียหาย 15 ล้าน สุดท้ายสูญทั้งต้นทั้งดอก
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.ท.พรศักดิ์ พิทยรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป.ได้ร่วมกันสอบปากคำ นายเดชา สุรินทร์ฤทธิ์ อายุ 52 ปี นางอมราพร สุรินทร์ฤทธิ์ อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา น.ส.สโรชา หรือสรัญรัชต์ เสถียรพักตร์ อายุ 21 ปี ลูกติดของนายเดชา และนางพรรณระวี ทาระปัญญา อายุ 50 ปี หลังถูกผู้เสียหายแจ้งความในคดีร่วมกันฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้เสียหายรวม 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการครู ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ว่าเมื่อปลายปี 2556 ได้ถูกนายเดชากับพวกหลอกลวงว่า นางอมราพรเป็นลูกสาวสุลต่านประเทศบรูไน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมตัว อีกทั้งยังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สิน ทั้งเครื่องเพชร ทองรูปพรรณ และเงินสดกว่าแสนล้านบาทไว้ตรวจสอบ หากจะนำทรัพย์สินออกมาต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
จากนั้นนายเดชาก็ได้พาผู้เสียหายไปเยี่ยมนางอมราพรที่ถูกจำคุกคดีฉ้อโกงที่เรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อให้ดูสมจริง ก่อนชักชวนให้ร่วมลงทุนหาเงินจ่ายค่าธรรมเนียมไถ่ถอนทรัพย์สินของนางอมราพร หากใครลงทุน 1 ล้านบาทจะให้ส่วนแบ่งจากทรัพย์สินดังกล่าวเป็นการตอบแทน 100 ล้านบาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปให้ ผู้ต้องหากลับอ้างว่ากำลังดำเนินการอยู่ อีกสัก 3-4 วันจะได้รับเงินที่ลงทุนคืนพร้อมกับค่าตอบแทนที่ได้ตกลงกันไว้
ต่อมาเมื่อถึงวันกำหนดรับเงิน ผู้ต้องหากลับอ้างอีกว่าเงินค่าธรรมเนียมไม่พอ ต้องหามาเพิ่มอีก เมื่อผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนเพิ่มอีกก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงลักษณะดังกล่าวอีกหลายครั้ง ผู้เสียหายบางรายต้องนำบ้านไปจำนอง บางรายต้องไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุนทำให้เป็นหนี้รวมกว่า 15 ล้านบาท กระทั่งล่าสุดผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาบอกให้ผู้เสียหายลงทุนอีก 2 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงซ้อนแผนเข้าจับกุมนางพรรณระวีได้ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาลาดพร้าว ส่วนที่เหลือได้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการโอนเงินเป็นของนายเดชา น.ส.สโรชา และนางพรรณระวี ขณะนี้ได้อายัดบัญชีไว้ตรวจสอบแล้ว แต่พบว่ายอดเงินมีเหลือเพียง 100 กว่าบาทเท่านั้น คาดว่าจะมีการถอนเงินออกไปตั้งแต่เหยื่อได้โอนเงินเข้ามา ในส่วนเส้นทางของเงินที่ได้จากการกระทำผิดนั้นทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามกลับคืนมาให้ผู้เสียหายต่อไป