“สมยศ” เน้นเจรจาชาวสวนยาง เลี่ยงใช้กำลัง พร้อมแยกม็อบปากท้องจากม็อบการเมือง
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มชาวสวนยางจะชุมนุมและเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้ปัญหาราคายางตกต่ำว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่ชาวสวนยางจะเข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งได้สั่งการเรื่องมาตรการดูแลความเรียบร้อยไว้แล้ว โดยจะเน้นการเจรจา หลีกเลี่ยงการใช้กำลังที่จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน
ทั้งนี้ การการชุมนุมต้องแยกกันระหว่างการชุมนุมทางการเมือง และเรื่องของปากท้อง การดูแลของตำรวจก็จะแตกต่างกันด้วย กรณีเรื่องปากท้องคงต้องมีการพูดคุยกัน ตำรวจจะเป็นตัวกลางในการเจรจาระ หว่างผู้ที่เดือดร้อนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะสะท้อนปัญหาของผู้ชุมนุมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนมากรุงเทพฯ อยากให้ส่งตัวแทนมาพูดคุยกัน เพราะแกนนำและผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเดิมที่เคยเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับการจับกุมนายวีระ สมความคิด ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการปฏิรูปพลังงาน เพราะฝ่าฝืนกฎอัยการศึก ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร สามารถควบคุมตัวได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน การที่ต้องจับกุมเพราะก่อนหน้านี้ได้พูดคุยตกลงกันแล้วว่าการชุมนุมทำได้แค่ไหน อย่างไร แต่ไม่ทำตามที่ตกลงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องจับกุมตามกฎหมาย
“ตำรวจและคสช.ไม่ได้กีดกัน หรือขัดขวางการทำกิจกรรมของประชาชน แต่ให้ทำในขอบเขตที่พูดคุยตกลงกัน แต่เมื่อมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามที่พูดคุยกัน ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการชุมนุมทางการเมือง ตอนนี้ถ้าใครอยากปฏิรูป หรือเรียกร้องอะไรขอให้ทำในระบบ สามารถไปสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ อย่างนายวีระเองก็ได้รับเชิญให้ไปพูดคุยในวงสัมมนาปฏิรูปพลังงานที่จะมีขึ้น แต่เมื่อฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องถูกจับ”
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มชาวสวนยางจะชุมนุมและเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้ปัญหาราคายางตกต่ำว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่ชาวสวนยางจะเข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งได้สั่งการเรื่องมาตรการดูแลความเรียบร้อยไว้แล้ว โดยจะเน้นการเจรจา หลีกเลี่ยงการใช้กำลังที่จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน
ทั้งนี้ การการชุมนุมต้องแยกกันระหว่างการชุมนุมทางการเมือง และเรื่องของปากท้อง การดูแลของตำรวจก็จะแตกต่างกันด้วย กรณีเรื่องปากท้องคงต้องมีการพูดคุยกัน ตำรวจจะเป็นตัวกลางในการเจรจาระ หว่างผู้ที่เดือดร้อนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะสะท้อนปัญหาของผู้ชุมนุมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนมากรุงเทพฯ อยากให้ส่งตัวแทนมาพูดคุยกัน เพราะแกนนำและผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเดิมที่เคยเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับการจับกุมนายวีระ สมความคิด ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการปฏิรูปพลังงาน เพราะฝ่าฝืนกฎอัยการศึก ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร สามารถควบคุมตัวได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน การที่ต้องจับกุมเพราะก่อนหน้านี้ได้พูดคุยตกลงกันแล้วว่าการชุมนุมทำได้แค่ไหน อย่างไร แต่ไม่ทำตามที่ตกลงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องจับกุมตามกฎหมาย
“ตำรวจและคสช.ไม่ได้กีดกัน หรือขัดขวางการทำกิจกรรมของประชาชน แต่ให้ทำในขอบเขตที่พูดคุยตกลงกัน แต่เมื่อมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามที่พูดคุยกัน ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการชุมนุมทางการเมือง ตอนนี้ถ้าใครอยากปฏิรูป หรือเรียกร้องอะไรขอให้ทำในระบบ สามารถไปสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ อย่างนายวีระเองก็ได้รับเชิญให้ไปพูดคุยในวงสัมมนาปฏิรูปพลังงานที่จะมีขึ้น แต่เมื่อฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องถูกจับ”
