ศาลไม่รับฎีกาสาวใหญ่อดีตหัวหน้าบริษัทกฎหมาย จ้างวานเผาตลาดนัดซันเดย์ จตุจักร ปี 2550 คงโทษจำคุก 16 ปี ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ออกหมายจับ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3697/2550 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางอภิญญา วงษ์บัญญัติ อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของบริษัท ธนสารสมบัติพัฒนา จำกัด และนายณรินทร์ โพธิ์ยา อายุ 34 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวจ.นนทบุรี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานจ้างวานใช้ผู้อื่นวางเพลิงเผาโรงเรือน อันเป็นที่เก็บสินค้า ร่วมกันวางเพลิงเผาโรงเรือนฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 จากกรณีเกิดเหตุวางเพลิงร้านขายปลาสวยงาม ตลาดนัดจตุจักร พลาซ่า ล็อก 8 (ตลาดนัดซันเดย์) ถ.กำแพงเพชร 2 เสียหาย 1.3 ล้านบาท
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2550 นางอภิญญาจำเลยที่ 1 ได้จ้างวานนายณรินทร์ จำเลยที่ 2 กับพวกจำนวน 10,000 บาท เพื่อให้ไปวางเพลิงเผาร้านขายปลาสวยงาม ภายในตลาดนัดจตุจักร พลาซ่า ล็อก 8 (ตลาดนัดซันเดย์) ถ.กำแพงเพชร 2 ของ น.ส.พรทิพย์ พงษ์พิทักษ์โสภณ ผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้อาคาร รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เก็บสินค้าประเภทอุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงาม ถูกไฟไหม้เสียหายคิดเป็นเงิน 1,300,000 บาท ก่อนหลบหนีไป เหตุเกิดที่แขวงและเขตจตุจักร กทม. ซึ่งนางอภิญญาจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนนายณรินทร์จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกนางอภิญญา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 ปี ส่วนนายณรินทร์ จำเลยที่ 2 จำคุก 10 ปี แต่เนื่องจากให้การรับสารภาพ โทษจำคุกจำเลยที่ 2 จึงลดเหลือ 5 ปี ขณะที่คดีในส่วนของนายณรินทร์ถึงที่สุด เนื่องจากไม่ได้ยื่นอุทธรณ์
ขณะที่ต่อมานางอภิญญา จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกัน ซึ่งบริษัทได้พยายามเข้าไปรื้อถอน และทุบอาคารร้านค้าของผู้เสียหายหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จจึ งเป็นมูลเหตุจูงใจสำคัญ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืนจำคุกนางอภิญญา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 ปี ซึ่งนางอภิญญาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฎีกาสู้คดีว่าพยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกับคำให้การชั้นสอบสวน และพยานบางปากยังมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 1 มาก่อน รวมถึงจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพโดยไม่สมัครใจ นอกจากนี้โรงเรือนที่เกิดเหตุไม่ใช่สถานที่เก็บสินค้าตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลงโทษสถานเบาด้วยนั้น
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวไม่เป็นสาระแก่การพิจารณา จึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา
อย่างไรก็ดี วันนี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาลตามนัด ซึ่งศาลเคยออกหมายจับให้มาฟังคำพิพากษามาเกินกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ จึงให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ให้จำคุก 16 ปี และมีคำสั่งให้ออกหมายจับนางอภิญญา จำเลยที่ 1 มารับโทษตามคำพิพากษา ซึ่งคดีมีอายุความ 15 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2557 ศาลได้มีคำสั่งออกหมายจับ พร้อมให้ปรับนายประกันเต็มจำนวนมูลค่าที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว 1.2 ล้านบาท เนื่องจากไม่เดินทางมาคำพิพากษาโดยไม่แจ้งเหตุ โดยนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 วันนี้ก็ยังไม่เดินทางมาศาลโดยไม่มีแจ้งเหตุ และไม่มีทนายรับมอบอำนาจมาร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใดด้วย