รวบแก๊งลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง - สัตว์ป่าสงวนจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยึดหมีควาย อายุ 7 เดือน จำนวน 1 ตัว อยู่ในลูกกรงเหล็ก สารภาพเตรียมส่งขายให้ชาวต่างชาติ หรือนักสะสมสัตว์ป่าในเมืองไทย
เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก. งานสายตรวจ พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายณรงค์เดช ปิติญาณ อายุ 43 ปี พร้อมของกลางหมีควาย 1 ตัวอายุ 7 เดือน
พ.ต.อ.สำราญ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ ว่า จะมีการลักลอบจำหน่ายหมีควาย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าติดตามจับกุม โดยซุ่มดูอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส ซอยรามคำแหง 184 จนกระทั่งพบรถต้องสงสัยขับออกมาจากหมู่บ้านดังกล่าว เป็นรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ถอ 3869 กรุงเทพฯ (ทะเบียนปลอม) มีผ้าใบขนาดใหญ่ปิดบังสิ่งของด้านท้ายรถกระบะ จึงติดตาม ก่อนเข้าจับกุมบริเวณลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ซอยรามคำแหง 4 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ตรวจสอบบริเวณหลังรถกระบะ พบลูกหมีควาย อายุประมาณ 7 เดือน ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กด้านหลังรถกระบะ จึงจับกุมก่อนนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
จากการสอบสวน นายณรงค์เดช ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นพ่อค้าสัตว์อยู่ในสวนจตุจักร เมื่อมีออเดอร์จากลูกค้าต่างชาติ หรือนักสะสมสัตว์ป่าในเมืองไทย ก็จะสั่งและสอบถามไปยังนายแมว (ไม่ทราบชื่อ - นามสกุลจริง) ที่ผ่านมา ตนเองจะค้าขายสัตว์จำพวกสัตว์ปีก เช่น นกเงือก นกกระตั้ว เป็นต้น แต่ครั้งนี้นายแมวบอกว่ามีลูกหมีควายมาจำหน่าย ในราคา 15,000 บาท ตนจึงรับซื้อไว้ เพื่อจะนำไปขายต่อ โดยตนเองค้าขายสัตว์ป่ามาแล้วนานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายณรงค์เดช เพราะที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีการค้าสัตว์ป่าส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย
ด้าน นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับกระบวนการค้าสัตว์ป่าดังกล่าว ได้กระทำมานานแล้ว สำหรับหมีควายตัวนี้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานได้เฝ้าติดตามมาหลายวันแล้ว โดยมี นายแมว เจ้าของร้านอาหารป่า ใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี รับซื้อไว้เพื่อนำมาขายต่อ และจากการสืบสวนทำให้ทราบว่านายแมวได้นำลูกหมีควายตัวดังกล่าวมาขายให้กับนายณรงค์เดช ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าติดตามจับกุมดังกล่าว
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง ซึ่งมีโทษจำคุก 4 ปี และปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนขยายผลไปยังกระบวนการค้าสัตว์ป่าต่อไป เพราะที่ผ่านมามีการลักลอบนำสัตว์ป่าจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นจำนวนมาก