ผลชันสูตรนิติเวชวิทยา ศพ “น้องแก้ม” ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตก่อนถูกโยนทิ้งข้างทาง ยืนยันมีร่องรอยถูกข่มขืนทั้งทางอวัยวะเพศและทวารหนัก ด้านรอง ผบ.ตร.ยอมรับไม่มีตำรวจรถไฟอยู่บนขบวน อ้างเหตุกำลังไม่พอ
วันนี้ (8 ก.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้นำศพน้องแก้ม มายังสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีบรรดาญาติของน้องแก้ม ประกอบด้วย ยาย ลุง ป้า อา พี่น้อง มาดำเนินการติดต่อรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดทินกร อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 19.00 น.
พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา เปิดเผยผลการชันสูตรน้องแก้มว่า สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ก่อนจะถูกโยนจากรถไฟ เนื่องจากพบว่าเล็บมือเล็บเท้ามีลักษณะเขียวคล้ำจากการขาดอากาศ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าถูกบีบคอ หรือเอาหมอนอุดจมูก เนื่องจากร่องรอยที่คอไม่ชัดเนื่องจากศพแปรสภาพไปมาก นอกจากนั้นพบบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย แขนและขาหลายจุด คาดว่าเกิดจากการต่อสู้ป้องกันตัว ไม่มีการแตกหักของกระดูก รวมทั้งกะโหลกศีรษะไม่แตก อย่างไรก็ตาม พบว่ามีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางอวัยะเพศและทวารหนัก
พล.ต.ต.พรชัยกล่าวอีกว่า ได้เร่งตรวจหาดีเอ็นเออสุจิ รวมทั้งเนื้อเยื่อตามเล็บมือเล็บเท้าของผู้ตายเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาที่ทางพนักงานสอบสวนส่งตัวมาให้ทางนิติเวชเก็บตัวอย่างและวัตถุพยานต่างๆ ไว้ เพื่อนำไปประกอบสำนวนการสอบสวนโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน
พล.ต.อ.พงศพัศฯ สั่งขยายผลจับกุมผู้ขายบ้าให้กับนายวันชัย แสงขาว ผู้ต้องหาคดีน้องแก้ม พร้อมขยายผลดำเนินการกับเครือข่ายใน จ.นครศรีธรรมราช
วันนี้ (8 ก.ค.57) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบดูแลการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ได้ประสานข้อมูลในเบื้องต้นกับ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบว่า ผู้ต้องในคดีนี้ให้การรับสารภาพว่า ซื้อยาบ้ามาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ จว.นครศรีธรรมราช โดยได้บอกตำหนิรูปพรรณมาค่อนข้างชัดเจน จึงได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดกำลังลงไปในพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ขายยาบ้ารายนี้มาดำเนินคดี พร้อมทั้งขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้ดำเนินการกวาดล้างโดยด่วนต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาอำนวยความสะดวกในการติดต่อขอรับศพ พร้อมเปิดเผยว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเองมาควบคุมดูแลเร่งรัดคดีให้สามารถส่งสำนวนให้อัยการฟ้องต่อศาลให้ลงโทษผู้ต้องหาให้เร็วที่สุด ตอนนี้จากการสืบสวนสอสวนยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาทำคนเดียว คำให้การและพยานหลักฐานต่างๆ ก็สอดรับการทั้งพยานบุคคล ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัยบนรถไฟนั้นทางตำรวจรถไฟ และการรถไฟฯ ได้หารือบริหารจัดการร่วมกันมาโดยตลอด แต่กรณีเป็นเฉพาะกรณีเป็นบทเรียนที่ต้องมาทบทวนแผนการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อระมัดระวังความปลอดภัยให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น อาจจะนำระบบที่ต่างประเทศใช้มาปรับใช้เช่นให้มีโบกี้สำหรับเด็ก และสตรีโดยเฉพาะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รถไฟขบวนนี้มีตำรวจรถไฟประจำหรือไม่ พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ไม่มีตำรวจปฏิบัติหน้าที่บนรถไฟขบวนนี้ และปกติก็ไม่ได้มีตำรวจประจำทุกขบวนเพราะกำลังไม่พอ การพิจารณาว่าขบวนไหนควรมีไม่ควรมี ก็ดูหลายปัจจัยทั้งระยะทาง จำนวนโบกี้ อย่างไรก็ตาม แต่ละโบกี้จะมีเจ้าหน้าที่รถไฟประจำอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เจ้าหน้าที่มาทำผิดเสียเอง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ตำรวจออกมาระบุว่าเด็กน่าจะลงไปกับผู้ชายนั้นเพราะเป็นการแจ้งเด็กหายธรรมดาและมีพยานเห็น ก็ขอให้สังคมช่วยกันสอดส่องเรื่องของยาเสพติด เพราะกรณีนี้มีการเสพยาบ้ามาก่อนก่อเหตุ
ด้านป้าของน้องแก้ม(ขอสงวนชื่อ) กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องแก้มเป็นเด็กน่ารัก ชอบอยู่บ้านกับแม่ ไม่ค่อยออกไปไหน ปกติเวลาไปต่างจังหวัดก็จะขับรถกันไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ให้เด็กๆกลับรถไฟเพราะเด็กๆอยากนั่งรถไฟ ผู้ใหญ่เองก็มองว่ารถไฟปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กๆที่กลับกันเองหลายคน เมื่อทราบว่าน้องหายตัวไปก็คิดว่าอาจจะถูกจับไปขาย ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต และได้ประสานผู้ใหญ่ที่รู้จักหลายทางให้เร่งตามหา ทั้งนี้ ตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมบนรถไฟไม่มีตำรวจอยู่ประจำขบวนและทราบว่ารถไฟขบวนนี้ไม่มีตำรวจประจำขบวนมาเป็นเดือนแล้ว ตนเองเคยใช้บริการรถไฟปกติจะมีตำรวจมาคอยเตือนเรื่องความปลอดภัย ทรัพย์สิน หากบนรถไฟไม่มีตำรวจคอยดูแลจะปลอดภัยได้อย่างไร
ต่อมานายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การรับศพ โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ด้านนายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยถึงบทลงโทษผู้ต้องหาคดีข่มขืนว่า ปัจจุบันคดีลักษณะดังกล่าวมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต โดยเฉพาะคดีข่มขืนและฆ่า ซึ่งการพิจารณาคดีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ในส่วนประเทศไทยไม่มีการลงโทษด้วยการประหารชีวิตมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ต้องขังคดีกระทำผิดทางเพศ โดยเฉพาะกับเด็กมักเป็นกลุ่มที่มีความผิดปกติทางจิตไม่สามารถบังคับ ควบคุมความต้องการของตัวเองได้เหมือนคนทั่วไป หลายคนพบว่าในวัยเด็กได้รับการสั่งสอนเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องได้รับการบำบัดและเยียวยาทางใจ แต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะต้องใช้นักจิตวิทยาวิเคราะห์
ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์รับผิดชอบดูแลผู้ต้องขังกว่า 300,000 คน
ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังคดีทางเพศประมาณ 10,000 คน ซึ่งยอมรับว่าในส่วนของราชทัณฑ์นั้นอาจไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง สิ่งที่ทำได้คือการควบคุมตัวไว้ในพื้นที่จำกัด และต้องอาศัยระยะเวลาในการคุมขังที่ต้องยาวนานจนชราหรือหมดสภาพออกไปแล้วไม่สามารถไปก่อเหตุได้อีก อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังคดีทางเพศที่ทำกับเด็กเมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำมักเป็นที่รังเกียจของเพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งในการคุมขังกรมราชทัณฑ์จะพยายามดูแลในขั้นต้นให้เกิดความปลอดภัยจากการถูกผู้ต้องขังอื่นทำร้าย โดยควบคุมไว้ในสถานที่เหมาะสม
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบดูแลการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ได้ประสานข้อมูลในเบื้องต้นกับ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบว่า ผู้ต้องในคดีนี้ให้การรับสารภาพว่า ซื้อยาบ้ามาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ จว.นครศรีธรรมราช โดยได้บอกตำหนิรูปพรรณมาค่อนข้างชัดเจน จึงได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดกำลังลงไปในพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ขายยาบ้ารายนี้มาดำเนินคดี พร้อมทั้งขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้ดำเนินการกวาดล้างโดยด่วนต่อไป