เจอตัวมือมีดฆ่า ผอ.คปภ.ตั้งครรภ์ 7 เดือนที่แท้เป็นสามี พบประวัติเคยติดยาอย่างรุนแรง และจิตประสาทกำเริบ อ้างขณะก่อเหตุสลดฆ่าเมียพร้อมลูกในครรภ์โดยไม่รู้สึกตัว
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 เข้าสอบปากคำนายพลพรหม วัชรสิรินันท์ อายุ 40 ปี สามีของนางพิสุทธินี วัชรสิรินันท์ อายุ 40 ปี ผอ.ส่วนอาวุโสคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอปธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่ถูกคนร้ายแทงจนเสียชีวิตคาห้องพักเลขที่ 268/14 ชั้นที่ 5 รัชดาสวีท ซอยรัชดา 36 แยก 19 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เหตุเกิดในท้องที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนายพลพรหมขับรถยนต์นิสสัน เซฟิโร่ สีน้ำเงิน ทะเบียน 4740 กทม.หายตัวไปพร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน จนกระทั่งเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 8 ก.ค. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.สุทธิสาร ได้ไปพบรถยนต์ของนายพลพรหมจอดอยู่ภายในโรงแรมโอเอซิส ซอย 20 มิถุนา ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. แต่จากการสอบสวนผู้ต้องหายังให้การวกวน ก่อนที่เจ้าหน้าที่พาไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อเก็บหลักฐานและตรวจหารอยนิ้วมือแฝงที่พบบนอาวุธมีดที่ รพ.ตำรวจ
นางจันท์ทณี วัชรศิรินันท์ มารดาของนายพลพรหม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองทราบข่าวลูกชายถูกจับกุมเมื่อเวลา 04.30 น. โดยลูกชายได้โทรศัพท์มาหาตนว่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว ให้รีบเดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน หลังจากเดินทางมาถึงก็ได้พบลูกชายและหลานสาวทั้งสองคน โดยปกติลูกชายเป็นคนรักครอบครัวมาก ก่อนที่จะซักถามลูกชายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกชายบอกกับตนเองว่าเป็นคนลงมือฆ่านางพิสุทธิณีจริง แต่ที่ทำไปเพราะไม่รู้ตัว ที่ผ่านมาทั้งสองคนรักใคร่กันดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด ปกติแล้วตนจะได้เจอลูกเฉพาะช่วงวันอาทิตย์ตลอดระยะเวลาที่แต่งงานมา แต่ช่วง 3 ปีหลังมานี้ลูกชายและลูกสะใภ้ไม่ได้เดินทางมาเยี่ยมแต่อย่างใด
นางจันท์ทณีกล่าวต่อว่า เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เพื่อนของลูกชายมาบอกกับตนเองว่าลูกตนติดยาโดมิคุมอย่างหนัก ก่อนที่ตนเองจะพาไปรับการบำบัดอาการติดยาที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาจนหายขาด และก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 อาทิตย์ ลูกสะใภ้โทร.มาปรึกษากับตนว่าจะทำยังไงดี นายพลพรหมมีอาการทางจิตประสาทกำเริบ และได้พาไปหาหมอที่ รพ.ศรีธัญญา และได้รับยามากินจำนวนหนึ่งแต่กินยาไม่ต่อเนื่อง ตนจึงบอกว่าให้พาตัวบุตรชายไปหาหมอใหม่ พยายามให้กินยาจนครบ และถามกลับไปว่าทำไมไม่มาเยี่ยมตนเลยในช่วง 3 ปีหลัง ลูกชายบอกกับตนว่าคิดว่าแม่ไม่รัก ส่วนตัวตนคิดว่าที่ลูกชายตนได้กระทำไปนั้นน่าจะเป็นผลข้างเคียงมาจากอาการติดยาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
