นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต มอบตัวตำรวจกองปราบปราม หลังถูกผู้เสียหายหลายรายแจ้งจับดำเนินคดีข้อหาหลอกขายกล้องฟรุ้งฟริ้ง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2 ล้านบาท
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อเวลา 11.30 น. น.ส.พชรพรรณ สิปปวงศ์ หรือ บาธ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านรังสิต ที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงผู้เสียหายให้สั่งซื้อกล้องยี่ห้อคาสิโอ รุ่นซีอาร์ 1200 หรือ “กล้องฟรุ้งฟริ้ง” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและบุคคลทั่วไปที่ชอบถ่ายภาพตัวเองเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ หรือที่เรียกว่า “เซลฟี” เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. หลังจากถูกกลุ่มเสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ บก.ปคบ. และที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รวมมูลค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
น.ส.พชรพรรณ กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รู้จักกับคนที่ชื่อบลู ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล และนายรณฤทธิ์ ไทยพิพัฒน์ ผ่านทางไลน์และอินสตาแกรม เนื่องจากสนใจที่จะสั่งซื้อกล้องรุ่นดังกล่าวกับทั้งสอง ที่เปิดหน้าร้านทางอินสตาแกรม เพราะมีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาด ซึ่งครั้งแรกทั้งสองอ้างว่าเป็นแฟนกัน หลังจากมีการติดต่อกันเรื่อยมา ทางคนที่ชื่อบลู ก็ชักชวนให้ตนร่วมทำธุรกิจขายกล้องดังกล่าว โดยจะให้ส่วนแบ่ง 20% โดยกล้องมีราคาขายตัวละ 10,500 บาท ถูกกว่าราคาในท้องตลาดกว่า 3,000 บาท ตนจะได้รับเงินส่วนแบ่ง 2,000 บาทต่อกล้อง 1 ตัว ตนสนใจจึงประกาศขายกล้อง หลังจากนั้น ก็มีคนสั่งซื้อกล้องและโอนเงินมาในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเมเจอร์รัชโยธิน
น.ส.พชรพรรณ กล่าวต่อว่า แต่ระหว่างที่รอรับสินค้า ตนก็ติดต่อกับคนที่ชื่อบลู ไม่ได้อีก โดยติดต่อได้แต่เพียงนายรณฤทธิ์ เท่านั้น ซึ่งภายหลังเขายังบอกว่าเป็นแค่พี่น้องกับคนที่ชื่อบลู ไม่ได้เป็นแฟนกัน และอ้างว่าสินค้าอยู่ระหว่างนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น จะทยอยส่งให้ลูกค้าภายในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่แล้วกลับยังไม่มีสินค้ามาส่งแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวง ฉ้อโกงลูกค้าที่สั่งซื้อกล้อง เพราะตนเองก็ถูกเขาหลอกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้ทยอยคืนเงินเท่าที่มีอยู่ประมาณ 9.6 แสนบาท ให้กับลูกค้าที่โอนเงินมาแล้ว แต่ยอดเงินส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่นายรณฤทธิ์ จึงมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอต่อสู้คดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนกว่า 140 ราย ซึ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ทั้งที่ บก.ปคบ. และที่ บก.ป. นอกจากนี้ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดยังเกี่ยวข้องกับหน้างานของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) อีกด้วย จึงเตรียมประสานข้อมูลไปยัง บก.ปอท. ก่อนพิจารณาดำเนินคดีกับ น.ส.พชรพรรณ โดยจะขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นการกระทำดังกล่าวสามารถเอาผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค และความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งขณะนี้ตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนได้เร่งสอบปากคำ น.ส.พชรพรรณ ก่อนจะมอบให้ชุดสืบสวนขยายผลติดตามตัวนายรณฤทธิ์ ซึ่งถูกซัดทอดว่าเป็นตัวการในขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการต่อไป