xs
xsm
sm
md
lg

จับโชเฟอร์แสบ กรรโชกทรัพย์ผู้โดยสาร

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายจักรพงศ์ ทองสุข และน.ส.รักชนก ศรีพิมพ์ ผู้ต้องหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์
บก.น.5 ตามจับโชเฟอร์แท็กซี่พร้อมเพื่อนสาวคนสนิท ฐานกรรโชกทรัพย์เรียกรับเงินเพื่อแลกกับเอกสารลูกค้าบริษัททัวร์ที่ผู้โดยสารลืมไว้บนรถแท็กซี่ พบประวัติโชเฟอร์ตัวแสบเพิ่งออกจากคุกมาได้เพียง 3 เดือน และเคยก่อคดีทั้งฉ้อโกงและซ่องโจร

วันนี้ (21 พ.ค.) พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุวรรณ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส. สน.ทุ่งมหาเมฆ และ พ.ต.ท.วุทธยา สิงห์แก้ว สว.สส. สน.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายจักรพงศ์ ทองสุข อายุ 48 ปี และ น.ส.รักชนก ศรีพิมพ์ อายุ 48 ปี ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ นายเกชา ดีเลศ และ น.ส.กมลวรรณ ศิริปาณี ซึ่งเป็นพนักงานบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในเขตท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

พล.ต.ต.สืบศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา นายเกชา ได้โดยสารรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทศ 4493 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี นายจักรพงศ์ เป็นผู้ขับ ซึ่งขึ้นโดยสารจากถนนสุขาภิบาล 3 มาลงที่บริเวณหน้าอาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ โดยหลังจากลงจากรถ ก็พบว่าลืมกระเป๋าเดินทางซึ่งอยู่ที่ฝากระโปรงด้านหลังของรถแท็กซี่คันดังกล่าว ซึ่งภายในมีเอกสารของลูกค้าบริษัททัวร์ รวมถึงหนังสือเดินทางของลูกค้าจำนวน 17 เล่ม จึงประสานให้ผู้เกี่ยวข้องให้ร่วมติดตามรถแท็กซี่คันดังกล่าว พร้อมทั้งเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

พล.ต.ต.สืบศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น นายจักรพงศ์ และ น.ส.รักชนก ซึ่งเป็นอดีตคนรัก ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังนายเกชา ให้โอนเงินเพื่อแลกกับการคืนหนังสือเดินทางของลูกค้า โดยได้ติดต่อมาทั้งสิ้น 4 ครั้ง ทางผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเอกสารสำคัญ จึงยินยอมโอนเงินให้ โดยครั้งแรกโอนเงินไปให้จำนวน 3,000 บาท ครั้งที่สองอีกจำนวน 15,000 บาท ครั้งที่สามจำนวน 5,700 บาท และครั้งสุดท้ายจำนวน 3,300 บาท รวมเป็นเงินที่โอนไปทั้งสิ้น 27,000 บาท โดยในแต่ละครั้งทางผู้ต้องหาจะนำหนังสือเดินทางไปทยอยคืนให้ในจุดที่นัดหมาย คือ บริเวณถังขยะ หน้าปากซอยลาดพร้าว 80 และบริเวณปากซอยลาดพร้าว 64 โดยจะนำไปทิ้งไว้ทันทีที่เงินถูกโอนเข้าบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของ น.ส.รักชนก

พล.ต.ต.สืบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากทราบว่า นายจักรพงศ์ มีพฤติการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามจับกุม ก็พบว่า นายจักรพงศ์ และ น.ส.รักชนก ได้ทยอยกดเงินตามตู้เอทีเอ็มและกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานก่อนจะสืบทราบว่าบ้านพักของ น.ส.รักชนก อยู่ภายในซอยพัฒนาการ 20 แยก 10 จึงนำกำลังไปเฝ้าเพื่อเตรียมจับกุม ก่อนที่จะสามารถจับกุมได้ในที่สุด จึงให้ น.ส.รักชนก พยายามติดต่อนายจักรพงศ์ ให้มาพบ แต่นายจักรพงศ์เป็นคนที่ระวังตัว ทางเจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งวันนี้เวลา 12.00 น. นายจักรพงศ์ ได้เดินทางมาตามนัด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวจับกุมได้ในที่สุด

เบื้องต้นนายจักรพงศ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนโทรศัพท์ไปขู่กรรโชกให้โอนเงินจริง และอ้างว่านำเงินที่ได้มาทั้งหมดไปเล่นการพนันหมดแล้ว และจากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า นายจักรพงศ์ เคยต้องโทษในคดีต่างๆ มาแล้วหลายคดี โดยเมื่อปี 2530 ถูกจับในข้อหาฉ้อโกงค่าอาหารและทำให้เสียทรัพย์ ในเขต สน.ดินแดง ปี 2535 ข้อหาเป็นซ่องโจร ในเขต สน.บางเขน ปี 2536 ข้อหามีอาวุธปืนฯ ในเขต สน.คันนายาว ปี 2538 และ 2548 ข้อหาลักทรัพย์เวลากลางคืน เขต สน.พหลโยธิน และ สน.ลาดพร้าว ปี 2549 ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เขต สน.บางรัก โดยนายจักรพงศ์ พ้นโทษเมื่อปลายเดือน 2556 และมาขับรถแท็กซี่ได้ 3 เดือน ก่อนจะมาถูกจับอีกครั้งในข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์

ด้าน น.ส.รักชนก ยังให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าได้ให้นายจักรพงศ์ ยืมบัญชีธนาคาร และไปกดเงินกับนายจักรพงษ์ในครั้งแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นการเรียกเงินในครั้งนี้แต่อย่างใด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไว้ เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น