xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าการนิคมฯ ตรวจเหตุเพลิงไหม้ รง.เครือสหยูเนี่ยนฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เดินทางตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า เครือสหยูเนี่ยนฯ สั่งห้ามใช้อาคารดังงกล่าวเด็ดขาดแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายใน บริษัท ยูเนี่ยนโชจิรูชิ จำกัด โรงงานผลิตกระติกน้ำร้อน-เย็นสเตนเลส เลขที่ 11/3 หมู่ 14 นิคมอุตสาหกรรมบางชัน ถ.เสรีไทย แขวงและเขตมีนบุรี ภายหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรงกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อช่วงเย็นวานนี้

ดร.วีรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบ เพราะมีความห่วงใยเป็นอย่างมากโดยสิ่งแรกที่ทำ ได้มีการจัดรถควบคุมคุณภาพมลพิษทางอากาศ จากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เข้ามาจอดไว้ทางด้านทิศใต้ของโรงงานด้านการเคหะบางชัน นอกจากนั้น ยังได้นำน้ำที่ใช้ ในการดับเพลิงทั้งหมดเข้าไปตรวจสอบทั้งหมดว่ามีอันตราย หรือมีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด เบื้องต้นไม่มีการปล่อยน้ำลงสู่คลองสาธารณะแต่อย่างใด โดยจะกักเก็บน้ำทั้งหมดเข้าไปในบ่อบำบัดน้ำเสียส่วนกลางก่อน โดยหลังจากเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังที่เกิดเหตุทั้งคืน เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ที่อาจจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

ดร.วีรพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของตัวอาคารที่มีรอยร้าว ได้จัดให้ทางวิศกรทั้งของทางนิคมอุตสาหกรรมเอง และวิศวกรของทางโรงงานประสานงานรวมกันในการทำงาน ซึ่งจะต้องรอผลในการตรวจสอบราวประมาณ 7 วันก่อนจะประเมินว่าจะต้องซ่อมแซมจุดใด หรือจะต้องทุบในจุดใดบ้าง นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมแผนในการปรับปรุงระบบป้องกันเหตุเพลิงไหม้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมีการปรับปรุงตัวอาคาร เส้นทางเข้าออกทางหนีไฟ ให้ทันสมัย และง่ายต่อการเข้าระงับเหตุ เนื่องจากว่าโรงงานดังกล่าวเปิดมากว่า 48 ปีแล้ว พร้อมกันนี้ ทางการนิคมอุตสาหกรรมได้มีความห่วงใยในตัวพนักงานกว่า 1,000 คน และได้มีการจัดให้พนักงานไปทำงานในแผนกอื่นเป็นการชั่วคราว โดยสั่งห้ามใช้อาคารดังกล่าวโดยเด็ดขาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุภายในอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นจุดต้นเพลิง บริเวณชั้นดังกล่าวเป็นแผนกผสมและเพนต์สี ทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้นมาก สำหรับในชั้นที่ 4 นั้น ตัวโครงสร้างของอาคารมีการทรุดตัว หลายจุดมีปัญหา ทั้งเสาเหล็กค้ำยันที่คดงอ และเพดานที่แอ่นตัวจนเกรงว่าอาจจะหล่นลงมาได้ ทำให้การเข้าตรวจสอบพื้นที่ทำได้ยากลำบาก นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังเฝ้าระวังในชั้นที่ 4 ซึ่งยังคงมีกลุ่มควันหลงเหลืออยู่บางส่วน ยังคงต้องใช้น้ำและอุปกรณ์ดับเพลิงเข้าควบคุม


กำลังโหลดความคิดเห็น