รองโฆษก ตร.แถลงกรณีคนร้ายยิงระเบิด M 79 ใส่กลุ่มผู้ยชุมนุม กปปส.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คาดคนร้ายยิงมาจากแยกคอกวัวก่อนหลบหนี
วันนี้(15 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันท์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิง กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อเวลา 02.45 น. ที่ผ่านมา ว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และทหาร ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นการยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก ซึ่งลูกแรกตกลงที่บริเวณโรงแรมบ้านดินสอ ซึ่งจุดนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จากการที่ระเบิดตกลงบริเวณห้องพัก จนทำให้มีฝ้าเพดานพังลงมา ส่วนลูกที่สองตกลงบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยสันนิษฐานว่ายิงมาจากบริเวณสี่แยกคอกวัว ตรงจุดนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสมควร นวลขยาย และมีผู้ไดรับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ในเวลาใกล้เคียงกัน มีรถยนต์กระบะสีขาวขับผ่านบริเวณสี่แยกคอวัว และได้กราดยิงอาวุธปืนเอ็ม 16 ใส่การ์ดของกลุ่ม กปปส. จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายนรายศ จันทร์เพชร ซึ่งจากการเกิดเหตุทั้งสองจุดนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 18 ราย ได้นำส่ง รพ.หัวเฉียว และรพ.กลาง
พล.ต.ต.อนุชา กล่าวว่า การวางแนวป้องกันบริเวณดังกล่าว จุดสูงข่มทางตำรวจจะดูแลร่วมกับทหาร ในส่วนของจุดคัดกรองจะเป็นการดูแลของตำรวจกับทหารเช่นเดียวกัน โดยมีการตั้งจุดตรวจบนถนนมหาชัย และถนนดินสอ ซึ่งสำหรับบริเวณแยกคอกวัวนั้น จะมีการตั้งจุดคัดกรองเพิ่มเติม เพื่อระวังและป้องกันเหตุให้เข้มงวดยิ่งขึ้น อีกทั้งบริเวณที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดอยู่ 4 จุด ทางตำรวจจะมีการตรวจสอบทางกล้องวงจรปิด เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า การเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนลุมพินีเมื่อสองวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าตรวจพื้นที่ร่วมกับทหาร โดยมีตำรวจจาก สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตุระเบิด และเจ้าหน้าที่ของสวนลุมพินี โดยการดำเนินการแบ่งเป็นระบบ เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัย จะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบเก็บกู้และมีการตรวจสอบลายนิ้วมือ รวมถึงถ่ายภาพประกอบเป็นหลักฐาน และนำส่งตำรวจนครบาลลุมพินี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ในขณะที่หลักฐานดังกล่าวจะมีการแยกส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน และกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การตรวจสอบในพื้นที่สวนลุมพินีนั้นคาดว่าต้องใช้เวลาการตรวจสอบอีก 2-3 วัน นอกจากนี้การตั้งด่านตรวจความมั่นคง ได้มีการตั้งด่านตรวจโดยวางกำลัง 22 กองร้อย ในพื้นที่ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน พร้อมด้วยชุดเคลื่อนที่เร็วในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลประชาชนและป้องกันไม่เกิดเหตุร้าย โดยได้รับรายงานสถานการณ์ทั่วไปยังเป็นปกติดี