ผบช.น.แถลงข่าว สน.ทองหล่อจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจำนวน 21 คน หลอกลวงชาวจีนหลายราย หลังตรวจสอบพบมาร่วมกันเช่าบ้านพักอยู่ย่านทองหล่อแต่ไม่ออกไปไหน ปิดบ้านทึบทำจำลองสภาพเป็นสำนักงานทวงเงินของธนาคาร
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.ภานุภัทร กิตติพันธ์ สว.สส.แถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน จำนวน 21 ราย เป็นชาย 14 คน หญิง 7 คน พร้อมของกลางโทรศัพท์บ้าน, คอกที่ใช้ในการโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุสื่อสาร, กล่องแยกสัญญาณ, เราเตอร์, เอกสารภาษาจีนและอื่นๆ โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 267/1 สุขุมวิท 31 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และเป็นบุคคลต่างด้าวที่ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อได้นำกำลังไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวหลังได้รับแจ้งว่ามีผู้อยู่อาศัยในบ้านจำนวนมากและมีพฤติกรรมน่าสงสัย จากการจับกุมพบว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่คาดว่าก่อเหตุหลอกลวงบุคคลในประเทศจีน โดยจะสืบสวนขยายผลต่อไปว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคยหลอกลวงชาวไทยมาก่อนหน้านี้หรือไม่
ร.ต.อ.ภานุภัทรกล่าวว่า กลุ่มชาวจีนมาพักอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วประมาณ 2 เดือน โดยมีพฤติกรรมต้องสงสัยคือไม่ออกไปไหนข้างนอก อยู่แต่ภายในบ้าน ช่วงกลางวันจะมีคนส่งอาหารมาให้ 1 ครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงยื่นเรื่องขอหมายศาลเพื่อตรวจค้นบ้านดังกล่าวซึ่งมีลักษณะมี 3 ชั้น ถูกปิดหน้าต่างด้วยแผ่นไม้กระดานป้องกันเสียงออกด้านนอก ที่ชั้น 2 จำลองเป็นสำนักงานในลักษณะศูนย์ข้อมูลการสื่อสาร พบผู้ต้องหาทั้งหมด 21 รายกำลังโทรศัพท์ บ้างใช้วิทยุสื่อสาร บ้างกำลังจดเอกสาร พร้อมของกลางจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าแบ่งหน้าที่กันทำงาน และยังมีผู้ต้องหาบางส่วนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นพบเอกสารภาษาจีนจำนวนมากที่ใช้ในการหลอกลวงวางอยู่
ร.ต.อ.ภานุภัทรกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย รับสารภาพว่าทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวจีน และจะรับส่วนแบ่งกันตามเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงไว้ ส่วนมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ 100 ล้านกว่าบาท มีข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีหัวหน้าแก๊งและสมาชิกคอยสนับสนุนอยู่ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีสำนักงานกระจายใน กทม.เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะสืบสวนสอบสวนขยายผลและประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อดำเนินการต่อไป