เลขาธิการ ป.ป.ส.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดีลักลอบค้ายาเสพติดจำนวน 3 คดี ได้ผู้ต้องหา 11 คน พร้อมยึดของกลางยาบ้า 468,000 เม็ด ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม รถยนต์ 4 คัน
วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดจำนวน 3 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 468,000 เม็ด ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม และรถยนต์ 4 คัน
คดีแรกจับกุมนายสมชาย แซ่โซ้ง อายุ 27 ปี ชาว จ.น่าน นายทรงเดช ทรงสวัสดิวงศ์ อายุ 21 ปี ชาว จ.น่าน พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า สีเทา ทะเบียน บท 7776 น่าน ยางรถยนต์พร้อมกระทะล้อสีดำ 1 ชุด และ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมตัวได้ที่บริเวณถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 126 ระหว่าง กิโลเมตร 24-25 หมู่4 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดน่านไปส่งให้กลับลูกค้าในพื้นที่จจังหวัดพิษณุโลก โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า สีเทา ทะเบียน บท 7776 น่าน เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ของวันที่ 12 พ.ค. เจ้าหน้าที่ได้พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวซึ่งมีชาย 4 คนนั่งมาภายในรถจึงได้ติดตามไปจนถึงบริเวณแยกหนองกระท้าว ต.นครไทย จ.พิษณุโลก จนกระทั่งเวลา 20.00 น.รถคันดังกล่าวได้จอดข้างถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 126 ระหว่าง กิโลเมตร 24-25 หมู่ 4 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ชายทั้ง 4 คนได้ช่วยกันยกยางรถยนต์ลงจากรถกระบะไปวางไว้ที่ข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ชายทั้ง 4 คนได้พยายามวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายสมชายและนายทรงเดชไว้ได้พร้อมของกลางยาบ้า 20,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ภายในยางรยนต์ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายสามารถหลบหนีไปได้ คือ นายวชิรพงษ์ แซ่โซ้ง อายุ 39 ปี ชาว จ.น่าน และนายสุรชัย แซ่โซ้ง อายุ 24 ปี ชาว จ.น่าน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกับพวกที่หลบหนีว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมนายอาที ชีหมื่อ อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงราย, นายอาเมียด อยู่ลือ อายุ 52 ปี ชาว จ.เชียงราย, น.ส.นามีแอ แสนต่อ อายุ 19 ปี ชาว จ.เชียงราย, น.ส.ธนรรสพร ลักษณ์ศกมลวัน อายุ 35 ปี ชาว จ.เชียงราย และนางจิราภา ธนัพประภัศร์ อายุ 44 ปี ชาว จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 74 มัด รวมยาบ้าประมาณ 148,000 เม็ด ยาไอซ์หนักประมาณ 1 กิโลกรัม รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยโต้ สีดำ ทะเบียน มกธ 3332 เชียงราย, รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ทะเบียน กด 1145 เชียงราย, โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง และกระเป๋าผ้าลายสีชมพู-ดำ 1 ใบ โดยจับกุมได้เมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่13 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผลจากคดีแรกจนทราบว่านายอาทีนายอาเมียด น.ส.นามีแอ น.ส.ธนรรสพร และนางจิราภาจะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงรายมาซื้อขายในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนทำการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้พร้อมของกลางยาบ้า 148,000 เม็ด และยาไอซ์ 1 กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) ไว้ ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ไดทำการจับกุม นายชอบดี ไชยฤกษ์อายุ 59 ปี ชาว จ.เชียงใหม่, นางขันแก้ว สวัสดีรักษา อายุ 47 ปี ชาว จ.เชียงใหม่, นายพิทยา จันทร์เรือง 47 ปี ชาว จ.สงขลา, นายชาตรี ตามิ อายุ 28 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผฉ 2982 เชียงใหม่ มือถือ 4 เครืิ่อง ด้วยเจ้าหน้าที่ได้ทราบจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากชนเผ่าลีซอหมู่บ้านห้วยล้าน จ.เชียงใหม่ พื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-พม่า ไปส่งยังพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียง ต่อมาในวันที่ 12 พ.ค.เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ได้พบรถยนต์กระบะ 2 คันวิ่งมาตามถนนเชียงใหม่-พร้าว จึงทำการสะกดรอยตามจนถึงบริเวณจุดตรวจ ตชด.บ้านป่าไม้ จึงได้ทำการสกัดจับรถยนต์ดังกล่าวซึ่งมีนายชอบดีเป็นผู้ขับโดยมีนางขันแก้วและนายพิทยานั่งมาด้วย จากการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในช่องลับใต้กระบะคันดังกล่าว โดยยาบ้าล็อตนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปมือจับประทับอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการขยายผลไปจับกุมนายชาตรีซึ่งเป็นผู้นำยาบ้าจากพื้นที่ ต.ท่าตอน มาส่งมอบให้นายชอบดีในตอนแรก จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าลำเลียงยาบ้าจริง โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ทั้งนี้นายชอบดียังดำรงตำแหน่งเลขานายกเทศมนตรี ต.ป่าตุ้มอีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป