ป.ป.ส.คุมเข้มลักลอบขนยาเสพติดจากภาคเหนือ และภาคอีสาน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นตั้งด่านสกัดตามแนวชายแดน 93 ด่าน และด่านตรวจชั้นในอีก 34 ด่าน โดยประสานการข่าวและดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งพักยาในพื้นที่ปริมณฑลอย่างเฉียบขาด
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยภายหลังการประชุมกำหนดมาตรการเฝ้าระวังยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า สำนักงาน ป.ป.ส.ได้เพิ่มความเข้มในระดับสูงสุดตามมาตรการการเฝ้าระวังและสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดผ่านแนวชายแดน จำนวน 93 ด่าน รวมทั้งด่านตรวจภายในประเทศ เพื่อสกัดกั้นขบวนการขนยาเสพติดจากภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ภาคกลางและ กทม.อีก 34 ด่าน และการเข้าไปดูแลเฝ้าระวังและตรวจตราชุมชนเสี่ยงทั่วประเทศ รวม 16,408 ชุมชน เพื่อป้องกันการลักลอบจำหน่วยยาเสพติดทุกชนิดให้แก่เด็กและเยาวชน
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า สำหรับมาตรการที่จะใช้ดำเนินการ มี 4 มาตรการ โดยจะบูรณาการให้ทุกหน่วยในพื้นที่ได้ร่วมกันปฏิบัติการสกัดกั้น ตรวจตรา และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ในพื้นที่ด่านชายแดนรอบประเทศ 93 แห่ง โดยทั้งหมดเป็นด่านตรวจ จุดผ่านแดน และจุดผ่อนปรนที่อยู่ระหว่างประเทศไทยและพม่า 21 แห่ง สปป.ลาว 47 แห่ง กัมพูชา 16 แห่ง และมาเลเซียอีก 9 แห่ง โดยจะต้องตรวจตราการผ่านเข้าแดนของบุคคล ยานพาหนะทุกประเภท รวมทั้งรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทุกชนิด
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันในด่านตรวจและจุดตรวจในเส้นทางต่างๆ ภายในประเทศ 34 แห่ง ต้องมีการเพิ่มความเข้มเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดจากจังหวัดชายแดนภาคเหนือ ทั้ง จ.เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน รวมทั้ง จ.เลย จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำเข้าสู่พื้นที่ภาคกลางและ กทม. โดยจะมีการประสานการข่าวและดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ อย่างเด็ดขาดด้วย
“นอกจากนี้ ในบริเวณสถานีขนส่ง ท่าจอดรถโดยสาร สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน และบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์ทุกแห่ง เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดทุกชนิดมากับตัวผู้โดยสารหรือสัมภาระทุกชนิด โดยจะมีการตรวจตราทั้งจุดต้นทางและจุดปลายทาง ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ซึ่งจะมีการใช้เครื่องเอ๊กซเรย์ และสุนัขดมกลิ่นยาเสพติดเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย” เลขาธิการ ป.ป.ส.ระบุ และว่า ในชุมชนเสี่ยงทั่วประเทศ 16,408 แห่ง โดยทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จะร่วมกันดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างปิดเทอม และบางส่วนที่ออกมาเที่ยวเล่นสงกรานต์ หรือในสถานที่จัดงานต่างๆ โดยจะมี “สายตรวจ ป.ป.ส.” ออกตรวจตราในพื้นที่ล่อแหลมและแหล่งมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติดทุกชนิด รวมทั้งการเฝ้าระวังอาชญากรรมต่างๆ ในชุมชนดังกล่าวด้วย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า จะดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 9-20 เม.ย.นี้ โดยได้ประสานการข่าวกับประเทศเพื่อนบ้านมาอย่างต่อเนื่อง และได้แจ้งให้ทุกหน่วยปฏิบัติการได้รับทราบแล้ว เชื่อว่าจะสามารถสกัดกั้นและยับยั้งการนำเข้ายาเสพติดบริเวณชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการดูแลปัญหายาเสพติดในชุมชนก็จะช่วยให้พ่อแม่และผู้ปกครองได้สบายใจมากขึ้น โดยจะจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มพ่อค้ารายย่อย และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูในทันที สำหรับพี่น้องประชาชนที่พบเห็นเบาะแสหรือมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบขนยาเสพติด หรือการขายยาเสพติดในชุมชน สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
