คืบคดีไปป์บอมบ์ จ่อออกหมายจับคนเช่าบ้านโยงเหตุบึ้มสยอง

ผบก.น.3 เผยความคืบหน้าคดีสองหนุ่มพกระเบิดไปป์บอมบ์ซิ่ง จยย.แล้วพลิกคว่ำระเบิดร่างเละคาที่ เตรียมออกหมายจับคนที่มาเช่าบ้านและทำสัญญาเชื่อมโยงเหตุระเบิดแต่ยังไม่ขอเปิดเผยประเด็นระเบิดว่าเกี่ยวโยงกรณีใด

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (31 มี.ค.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 และ ผกก.ทุก สน.ใน พื้นที่ บก.น.3 ร่วมกันระดมปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน, อาวุธสงคราม ยาเสพติด รวมไปถึงหมายจับคดีค้างเก่า โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 400 นาย ตำรวจบ้านและอาสาสมัครอีกจำนวน 100 นาย เข้าร่วมพิธีครั้งนี้ที่ลานจอดรถร้าน ไทยวัสดุ ถนนรามคำแหง

พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า ในครั้งนี้เป็นการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ในพื้นที่ได้มีเหตุระเบิดขึ้น นอกจากนั้นยังตรวจพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องและอุปกรณ์ในการประกอบระเบิดอีกหลายรายการ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กำชับให้มีการตรวจเข้มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส เพื่อเป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น เบื้องต้นได้แยกคดีออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนของเหตุระเบิดที่สนามหญ้า พนักงาน สอบสวนได้เรียกพยานที่อยู่ใกล้กับบ้านเช่าของผู้เสียชีวิต มาสอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจนพบญาติและบุคคลใกล้ชิดของผู้ตายทั้ง 2 คน ทำให้ทราบว่าผู้ตายทั้ง 2 คน มีตัวตนจริงและพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ตามพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่พบอยู่ภายในบ้านเช่าจริง ซึ่งผลจากการสอบสวนพยาน ก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในส่วนเรื่องวัตถุระเบิดที่ตรวจพบในบ้านพักนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เก็บกู้วัตถุระเบิดอย่างละเอียดและลายนิ้วมือจากกองพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบิดที่พบว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และเชื่อมโยงกับเหตุที่ ปากซอยราษฎร์อุทิศ 12 หรือไม่

ด้าน พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุใกล้เคียงบ้านเช่าสองชั้นเลขที่ 49/1 หมู่ 8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่พบระเบิดอยู่ภายในบ้าน โดยได้หลักฐานซึ่งเป็นตำหนิรูปพรรณสัณฐานของคนที่มาติดต่อเช่าบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ภาพถ่ายของ นายอ่าว อิสระส์ ซึ่งใช้บัตรประจำตัวอาสาสมัครตำรวจชุมชนของสถานีตำรวจภูธร จังหวัดราชบุรี ในการขอทำสัญญาเช่าบ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นช่างไฟฟ้ามาทำการซ่อมแซมไฟฟ้า พร้อมคนงานอีกกว่า 10 คน และได้เช่าพักมาตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2557 ระบุสัญญาเช่า 6 เดือน เดือนละ 7,000 บาท แต่จากการตรวจสอบข้อมูลตามทะเบียนราษฎรไม่พบว่ามีชื่อดังกล่าวอยู่ในประวัติทะเบียนราษฎรแต่อย่างใด แต่ตำหนิรูปพรรณสัณฐานและหน้าตาของผู้ที่มาติดต่อเช่าบ้านนั้นจากพยานตรงกัน โดยในการขออนุมัติหมายจับครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ต้องรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่เจ้าหน้าที่อีโอดี เก็บกู้ที่พบภายในบ้านว่าเป็นระเบิดชนิดใด รวมทั้งลายนิ้วมือแฝงเพื่อเป็นหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายอ่าว อิสระส์ หรือบุคคลตามภาพถ่ายซึ่งเป็นผู้มาติดต่อขอเช่าและเป็นผู้ทำสัญญาบ้านเช่า และคาดว่าใช้เวลาอีก 2-3 วัน จะสามารถรวบรวบพยานหลักฐานที่จะได้ยื่นขออนุมัติหมายจับได้

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ท้องที่มีนบุรี ว่า น่าจะมีความเชื่อมโยงกับการสร้างสถานการณ์รุนแรงทางการเมือง มอบหมายให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปช่วยในเรื่องการสืบสวนขยายผลโดยเร็ว สำหรับสถานการณ์ชุมนุมนั้นยังให้เฝ้าระวังป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่ยังมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเฝ้าระวังรับมือการเผชิญหน้าของทุกฝ่ายเพื่อยกระดับการสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้การตรวจค้นจับกุมยึดอาวุธบริเวณพื้นที่ชุมนุมที่ จ.นนทบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในมาตรการกดดัน ป้องกันเหตุ เช่นเดียวกับการตั้งด่านตรวจมั่นคงซึ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงลดลง โดยตำรวจยึดหลักดำเนินการกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้กรณีที่กลุ่มแนวร่วม นปช.นัดหมายจะไปแจ้งความเอาผิดกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั่วประเทศนั้นให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานกฎหมายและสอบสวนดูแลความเรียบร้อยแล้ว