อัยการยื่นฟ้อง 3 พิธีกร “สายล่อฟ้า” หมิ่นนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ทนายยื่นเงินสดคนละ 5 หมื่นบาทประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกัน และนัดพร้อมคู่ความ 26 พ.ค.นี้
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเรืองวิชญ์ โภคัย พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ได้เป็นโจทก์พร้อมนำตัว นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งสามเป็นผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย มายื่นฟ้องเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติงานตามหน้าที่ จากกรณีที่จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจัดรายการและกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2555 และ 15 ก.พ. 2555 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ที่ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาทำนองใส่ความผู้เสียหายว่าโดดภารกิจการประชุมของรัฐสภา และน่าจะกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งเป็นความประพฤติที่ผิดจริยธรรม ในฐานะสตรีเพศที่เป็นภรรยาของสามี นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบนำเสนอในรายการด้วย โดยมีสื่อหลายแขนงเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ซึ่งข้อความดังกล่าวน่าจะทำให้ผู้เสียหายถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป และทำให้ผู้เสียหายซึ่งกระทำการตามหน้าที่ในฐานะประมุขของฝ่ายบริหารได้รับความอับอาย เป็นการทำลายเกียรติของผู้เสียหายในฐานะนายกรัฐมนตรี อันเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และในฐานะส่วนตัวที่เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป เหตุเกิดที่แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และทั่วราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยผิดต่อกฎหมายอาญามาตรา 136, 326, 328, 332 ประกอบมาตรา 83 คำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ข้อ 2 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2535 มาตรา 3 และ 4
ทั้งนี้ ศาลประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.630/2557 พร้อมสอบคำให้การจำเลย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความได้ยื่นเงินสดประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันโดยตีราคาประกันคนละ 5 หมื่นบาท
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องคดีความก็ไม่มีอะไรซับซ้อน วันนี้มารายงานตัวคดีที่อัยการยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และไม่รู้สึกหนักใจอะไร ยืนยันว่าในการดำเนินรายการสายล่อฟ้า ไม่ได้เอ่ยชื่อนายกรัฐมนตรี ก็ยังแปลกใจที่ทางอัยการได้ยื่นฟ้อง โดยระบุว่าเป็นการมโนภาพให้ประชาชนมีทัศนคติต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปในทางลบ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้ให้ความร่วมมือกับศาล โดยมาเบิกความว่าเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอะไรที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ คาดว่าหากนายกรัฐมนตรีให้ความร่วมมือก็จะสืบพยานไม่กี่ครั้ง ศาลก็สามารถนัดฟังคำพิพากษาคดีได้
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการจำนวน 2 จุด ว่า ช่วงนี้มีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดอย่างต่อเนื่อง และยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้แม้แต่รายเดียว แต่การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งดูแลด้านความมั่นคง ออกมากล่าวว่าเหตุระเบิดเกิดจากการสร้างสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ถือเป็นการสร้างความสับสนให้แก่สังคม เพราะถ้าวิเคราะห์ได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงภายหลังเกิดเหตุการณ์ แต่ทำไมไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ ตนเห็นว่าเหตุการณ์คุกคามศาลและองค์กรอิสระที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะมีการข่มขู่หลายครั้ง และยังปล่อยให้มีมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลมาเคลื่่อนไหวกดดันศาลและองค์กรอิสระ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองออกมาดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด
สำหรับเรื่องหวยงวดวันที่ 16 มี.ค. 2557 ที่เลขท้าย 3 ตัว ตรงกับเลขทะเบียนรถของนายกรัฐมนตรีนั้น หากคำนวณดูก็เป็นเรื่องบังเอิญที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เพียง 1 ในล้าน และที่ผ่านมามีการใช้มวลชนในการเคลื่อนไหวต่างๆ หลายครั้ง ก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าจะเป็นการใบ้หวยเพื่อเอาใจมวลชนหรือไม่
ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความกล่าวว่า ศาลนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 26 พ.ค. 2557 เวลา 09.00 น. จากการที่ได้อ่านคำฟ้องเห็นว่าไม่ใช่การหมิ่นประมาท แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยแนวทางการต่อสู้คดีก็ได้เตรียมพยานที่เป็นเอกสารบางส่วน และหากอัยการไม่ขอหมายเรียกนายกฯยิ่งลักษณ์มาเป็นพยานในคดีนี้ ทางฝ่ายจำเลยก็จะยื่นขอศาลให้ออกหมายเรียกนายกรัตมนตรีมาเบิกความว่าในวันนั้นเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอะไรที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ อีกทั้งจะขอหมายเรียกนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นพยานอีกด้วย
นายราเมศยั งกล่าวต่อว่า คดีนี้ตอนแรกจะนำนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อดีตนักธุรกิจด้านการเงินชื่อดังมาเบิกความเป็นพยานปากเอกในคดีนี้ เพราะว่าเป็นผู้ที่ออกมาเปิดเผยเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น แต่ถึงนายเอกยุทธจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็คาดว่าจะไม่มีผลในทางรูปคดี
