พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดเวลาซุกในถังขยะหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และริมรั้วอาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม อีโอดีเร่งตรวจสอบและเก็บกู้
ที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่ในถังขยะ บนฟุตปาธริมถนนรัชดาภิเษก ตรงป้ายจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ ด้านหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต. สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่อีโอดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน
ที่เกิดเหตุพบถังขยะสีขาวของกทม. โดยมีถุงผ้าสีดำขนาดใหญ่อยู่ภายในถังขยะ เมื่อเปิดถุงผ้าสีดำออกพบนาฬิกาปลุกสีเขียว โดยมีสายไฟระโรงระยางพันติดกับนาฬิกา เจ้าหน้าที่จึงนำยางรถยนต์มาครอบล้อมรอบไว้ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่และปิดการจราจรถนนรัชดาบริเวณหน้าสำนักงานอัยการทุกช่องทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่อีโอดีจึงได้สวมชุดกันระเบิดหรือบอมบ์สูท เพื่อเข้าไปตรวจสอบในระยะใกล้ จึงพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง บรรจุใส่ในถังดับเพลิงสภาพเก่าซึ่งถูกลอกสีแดงออก จุดฉนวนด้วยนาฬิกาปลุกซึ่งวางไว้อยู่ด้านบนถังดับเพลิง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายตัวจุดชนวนระเบิด ก่อนทำการเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวไปตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีการตั้งระเบิดเวลาไว้ที่ประมาณ 09.00 น. เศษ ท่ามกลางความสนใจของเจ้าหน้าที่อัยการและประชาชนบริเวณโดยรอบที่ยืนดูรอลุ้นเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบระเบิดอีก 1 ลูก ที่บริเวณริมฟุตปาธ ด้านหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร พ.ต.อ.กำธร พร้อมเจ้าหน้าที่อีโอดี จึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ ถุงผ้าสีดำขนาดใหญ่ วางอยู่ริมรั้วของสถานบัน ใกล้กับตู้โทรศัพท์สาธารณะ เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดกั้นพื้นที่ พร้อมทั้งสวมชุดบอมบ์สูทเพื่อเข้าไปตรวจสอบในระยะใกล้ จึงพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องในถังดับเพลิงคล้ายกับระเบิดจุดแรก โดยด้านบนถังดับเพลิงมีนาฬิกาปลุกสีเขียวยี่ห้อ mayata โดยมีถังน้ำแข็งแสตนเลทปิดคลุมนาฬิกาไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายตัวจุดชนวนระเบิด ก่อนทำการเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวไปตรวจสอบ พร้อมกับเคลียพื้นที่และเปิดการจราจร โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการกู้ระเบิดทั้งสองจุดประมาณ 2 ชั่วโมง
นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด เดินทางปฏิบัติภารกิจประชุมที่ประเทศฝรั่งเศส ส่วนตนติดประชุมเรื่องยาเสพติดที่กรุงเวียนนา ซึ่งตนได้รับแจ้งจากรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ววันนี้ว่าเช้านี้พบวัตถุต้องสงสัยที่หน้าสำนักงานอัยการและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจากสภาพวัตถุต้องสงสัยที่พบเบื้องต้นคาดว่าอาจจะเป็นการข่มขู่ แต่ไม่ทราบว่าจากสาเหตุเรื่องใด ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอนต่อไป
นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การวางระเบิดครั้งนี้ไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการ เพราะอัยการพิจารณาไปตามสำนวนการสอบสวนและข้อเท็จจริงในสำนวน ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของรัฐบาลหรือกับใคร และการวางระเบิดครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นของกลุ่มใด วัตถุประสงค์อย่างไร แต่เชื่อว่าอัยการจะสั่งคดีทุกสำนวนอย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา โปร่งใส ตรวจสอบได้ ถ้าอัยการกลัวกับเหตุการณ์ข่มขู่หรือทำงานในภาวะกดดันจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็จะเกิดผลเสียมากกว่า หวังว่าทุกฝ่ายต้องเข้าใจการทำงานของอัยการเพราะอัยการไม่เลือกข้าง
นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลที่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงเพิ่มระดับการตรวจตรา รวมทั้งดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและคู่ความที่มาติดต่อราชการศาลซึ่งในแต่ละวันมีเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อสังเกตว่า จุดที่มีผู้วางระเบิดนั้นหากเกิดระเบิดขึ้นอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มาใช้บริการศาลสำนักงานศาลยุติธรรมจึงมีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างยิ่งเพราะมีลักษณะคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นและประสานงานกับเจ้าพนักงานตำรวจในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด
พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีตั้งแต่ช่วงเวลา ประมาณ 06.30 น. จึงประสานกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด มาตรวจสอบ ซึ่งระเบิดทั้ง 2 จุดเป็นระเบิดจริงพร้อมใช้งาน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวได้ทัน โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งเหตุดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ว่าคนร้ายหวังผลทางการเมือง หรือจากสาเหตุใด พร้อมกับเพิ่มจุดตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจตระเวนเฝ้าระวังเหตุขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี เผยว่า ระเบิดทั้งสองจุดเป็นชนิดเดียวกัน คือ ระเบิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาพร้อมใช้งาน โดยดัดแปลงมาจากถังดับเพลิง ขนาด 15 กก. เชื่อมวงจรด้วยสายไฟต่อเข้ากับนาฬิกาปลุกสมบูรณ์ มีรัศมีทำลาย 30-40 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนแรงดันน้ำทำลาย เบื้องต้นคนร้ายได้ตั้งเวลาเอาไว้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากมีการนำถังน้ำอะลูมิเนียมปิดบังไว้ และเจ้าหน้าที่ได้ทำลายวงจรเสียก่อนจึงไม่ทราบว่าคนร้ายตั้งเวลาเท่าใด โดยคนร้ายมีความชำนาญในการต่อวงจร และคล้ายกับระเบิดที่พบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากพบช้ากว่านี้เชื่อว่าอาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนี้จะนำถังดับเพลิงดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ภายในว่าคนร้ายบรรจุวัตถุสารเคมีชนิดใดกันแน่ต่อไป