ผบ.ตร.เน้นย้ำทุกพื้นที่ดูแลอบายมุข ห่วงเยาวชนตกเป็นเหยื่อ

รองโฆษก ตร.แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมรายวัน ชี้สั่งทุกหน่วยไปจัดทำแผนประทุษกรรมป้องกันเหตุอาชญากรรมห่วงเยาวชนจตกเป็นเหยื่อ

วันนี้(6มี.ค.) เมื่อเวลา11.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกตร. พร้อมพ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกตร. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุม และเรื่องการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม รวมทั้งการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.อนุชา กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมทั่วไปยังคงปกติ แต่ในส่วนของตร. เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 14.30น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานในการประชุมเหตุการณ์สำคัญกรณีมีการชุมนุมที่ลุมพินี, แจ้งวัฒนะ, ศาลอาญา และศาลแพ่ง รวมทั้งประชุมเพื่อเตรียมพร้อมและตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่การชุมนุม เพื่อวางแนวทางการปฏิบัติให้เป็นระบบ พร้อมรับทราบมาตราการในการดำเนินการของพื้นที่ปฏิบัติการจากผู้บัญชาการเหตุการณ์ทุกท่าน ทางผู้บัญชาการเหตุการณ์ทุกหน่วยได้รายงานข้อมูลว่า ในสถานที่ชุมนุม มีการวางแผนการวางกำลังรักษาความปลอดภัย โครงสร้างการจัดแต่ละที่ทำการ รวมทั้งข้อมูลบุคคลที่จะต้องเฝ้าจับตา จุดสูงข่มต่างๆและจุดตรวจความมั่นคงที่จะอยู่รอบบริเวณการชุมนุม การวางกำลังจะต้องวางกำลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสภาวะของพื้นที่การชุมนุมไม่ห่างพื้นที่ชุมนุมจนเกิดความไม่ปลอดภัย และไม่อยู่ใกล้พื้นที่การชมนุมมากจนเกินไป
โดยในเวลากลางวัน จะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทำหน้าที่ดูแลการจราจรและตั้งด่านความมั่นคง ในส่วนของทหารมีการจัดชุดปฏิบัติการมวลชนรอบบริเวณชุมนุม สนับสนุนการปฏิบัติโดยการวางกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านผบ.ตร.ได้รับฟังแผนปฏิบัติ มีความพอใจต่อแนวทางมาตราการวางกำลังรักษาความปลอดภัย จึงเน้นย้ำให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ดำเนินการบริหารที่ทำการอย่างมีเอกภาพ ให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ มาปฏิบัติหน้าที่ บริหารที่ทำการอย่างบูรณาการ โดยมีแผนการวางกำลังและการใช้กำลังอย่างชัดเจน และทำให้พื้นที่มีความปลอดภัย หากมีเหตุที่เกิดขึ้นในกรณีใดๆก็ตาม จะต้องเข้าพื้นที่ระงับเหตุ สืบสวน เก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเร็วที่สุด รวมทั้งการให้บริการต่างๆกับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งการจะดำเนินการได้นั้น
ท่านผบ.ตร.ย้ำว่าต้องมีการประสานงานกับแกนนำผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหาร วางมาตราการร่วมกัน โดยมีช่องทางการสื่อสารอย่างชัดเจน มีการสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้บังคับบัญชาฝ่ายปฏิบัติการอย่างแน่นแฟ้น รวมทั้งการปฏิบัติการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ อาจจะมีการเสริมกำลังให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ในการสร้างการมีส่วนร่วมจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภาคเอกชนที่อยู่ตามตึกต่างๆ รวมทั้งอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆอีกส่วนหนึ่งด้วย ส่วนที่สองท่านผบ.ตร.ต้องการให้มีการบริหารงานและมีการพัฒนางานต่างๆ รวมทั้งการติดตามสถานการณ์อาชญากรรม เพื่อดูแลสถานการณ์ชุมนุม ซึ่งการประชุมในวันนี้ได้มีการพูดคุยหารือในประเด็นของการบริหารงานพัฒนา ในเรื่องของการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจทุกสายงาน และการพัฒนาทางกายภาพต่างๆให้มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สำหรับในเรื่องอาชญากรรม พบว่าการเกิดเหตุในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไม่มีความแตกต่างจาก เดือนมกราคมมากนัก
แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือ คดีการประทุษร้าย ในเรื่องของธนาคาร ร้านทอง และร้านสะดวกซื้อ ปรากฏว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สถิติการเกิดเหตุกับธนาคาร ร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือน และธนาคารจะเกิดเหตุช่วงเวลาใกล้ปิดทำการ ร้านสะดวกซื้อ จะเกิดเหตุตั้งแต่ 00.00-02.00น. จึงกำชับหัวหน้าสถานีประชุมเพื่อทราบถึงสถานการณ์ แผนการประทุษกรรม วิเคราะห์สภาพปัญหาแนวโน้ว กำหนดพื้นที่เป้าหมายและปรับแผนการตรวจให้เหมาะสม เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจพร้อมทำแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อมเหตุปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปถึงที่เกิดเหตุเร็วที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร กล่าวว่า ท่านผบ.ตร.ได้เน้นย้ำว่า 3 ด้านที่ต้องไปด้วยกัน คือ งานปกติ งานเฉพาะหน้าและงานพัฒนาหน่วย วันนี้ท่านไดัเน้นย้ำการป้องกันอาชญากรรม ซึ่งช่วงระยะหลังมามีการก่อเหตุเพิ่มขึ้น 4 ด้าน ทางสถานีตำรวจควรทำ คือ 1.มีระบบสายตรวจ 2.จัดระบบสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้มีความปลอดภัย เช่น การติดตั้งซีซีทีวี ระบบไฟส่องสว่างให้กับประชาชน 3.ส่งเสริมความร่วมมือการมีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรมกับประชาชน นอกจากนี้ในส่วนของการปราบปราม ให้แต่ละจังหวัดและสถานนีตำรวจ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง และติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า
ส่วนสถานบริการและแหล่งอบายมุขต่างๆ ท่านผบ.ตร.เน้นย้ำเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียน เยาวชนและเด็กเริ่มมีเวลาว่าง อาจจะตกเป็นเหยี่อหรือเป็นผู้ก่อเหตุได้ จึงมอบหมายให้สถานนีตำรวจทุกแห่งเน้นย้ำตรวจตราสถานบันเทิงทุกแห่ง และได้เน้นย้ำให้กรองตรวจสอบภายในและเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบข้อสั่งการ ที่สั่งการไปแล้วว่าสถานนีตำรวจหรือว่าจังหวัดต่างๆได้มีการดำเนินการตามที่สั่งการหรือไม่ ในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดสถานที่ของโรงพักให้มีความสะดวกในการติดต่อราชการ การจัดเก็บของกลางต่างๆ ระบบฐานข้อมูลอาชญากรรมที่ควรจะมีในโรงพัก และการตรวจสอบการอบรมผู้ใต้บังคับบัญชา
ส่วนประเด็นที่สองเป็นเรื่องของการดูแลเรื่องการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่จะมีขึ้นในวันที่ 30มี.คนี้ โดยมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 23มี.ค. ทั้งนี้ทางตร.ได้ใช้แผนที่พักเลือกตั้ง57 ซึ่งเป็นแผนเดียวกับที่ดูแลการเลือกตั้งส.สที่ผ่านมา ให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งระดับ ตร. ระดับภาค ระดับจังหวัด จนกระทั่งระดับโรงพัก นอกจากนี้การทำหน้าที่ในการดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นไปตามที่กกต.ร้องขอมา โดยจะทำหน้าที่อำนวยการควบคุมสั่งการและประสานงาน ในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะการจัดชุดรักษาความปลอดภัยสถานที่เลือกตั้ง สถานที่พิมพ์บัตร และสถานที่เก็บหีบเลือกตั้ง