รวบสาวไทยพร้อมคู่หูชายผิวสี ลักลอบขนยานรกคาโรงแรม พร้อมของกลางยาไอซ์ 6 กก.มูลค่า 19 ล้านบาท ปัดไม่รู้ยาไอซ์อยู่ในกระเป๋า อ้างเดินทางจากสิงคโปร์แล้วกระเป๋าตกค้างระหว่างเดินทาง อธิบดีกรมศุลฯจ่อบินไปบราซิล เพื่อช่วยเหลือหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อหลอกให้ขนยาเสพติด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 มี.ค.2557 ที่สำนักสืบสวนและปราบปราม ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี ผอ.สำนักงานตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 นายเดชา วิชัยดิษฐ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ เจ้าหน้าที่ บก.ตม.2 ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาไอซ์น้ำหนัก 6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 19 ล้านบาท ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
นายราฆพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดกระเป๋าพร้อมยาไอซ์ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่สายการบินซิลค์แอร์ นำกระเป๋าใบดังกล่าวไปส่งให้แก่หญิงไทยรายหนึ่งอายุ 21ปี และชายผิวสี 1 คน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม.
จากการสอบสวนหญิงไทยคนดังกล่าว ให้การปฎิเสธว่าไม่ทราบเรื่องยาไอซ์ที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง และให้การว่าเดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินซิลค์แอร์ เที่ยวบิน MI754 ปลายทางท่าอากาศภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากกระเป๋าสัมภาระตกค้างระหว่างทาง จึงประสานสายการบินให้นำมาให้ที่โรงแรม แล้วก็ถูกควบคุมตัวพร้อมชายชาวผิวสีคนดังกล่าว
สำหรับชายชาวผิวสี เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง กลับไม่มีมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และไม่ยอมให้ปากคำ รวมทั้งไม่บอกทั้งชื่อ-นามสกุล ของตนเอง พร้อมให้การปฏิเสธเรื่องยาไอซ์ที่พบด้วย เจ้าหน้าที่ บก.ตม.2 จึงดำเนินคดีชาวผิวสี ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
ทั้งนี้ จากแนวทางสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ พบว่าทั้ง 2 คนมีส่วนเชื่อมโยงกับการขนยาเสพติดในครั้งนี้ จึงควบคุมตัวไว้ก่อนและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบ
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปที่ประเทศบราซิล เพื่อติดตามคดียาเสพติดที่หญิงไทยประมาณ 50 คน ถูกจับดำเนินคดีในก่อนหน้านี้ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานงาน หากพบว่าหญิงไทยรายใดตกเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกให้ขนยาเสพติด ก็จะประสานขอการช่วยเหลืออีกครั้ง ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปยังหญิงไทยไม่ควรหลงเชื่อชาวต่างชาติ ที่ให้ไปขนสินค้าหรือรับฝากกระเป๋าในต่างประเทศ