ศาลอาญา และศาลแพ่ง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด หลังคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ข่มขู่ศาล 2 ครั้งซ้อน ขณะที่ ทบ.ส่งทหารตั้งจุดตรวจหน้าทางเข้า ถ.รัชดาภิเษก
วันนี้ (24 ก.พ.) บรรยากาศที่บริเวณศาลอาญา และศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ ได้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารประจำการดูแลรักษาความปลอดภัย หลังจากสำนักงานศาลยุติธรรมได้ประสานไปยังกองทัพบกเพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่มาประจำการดูแล โดยมีการตั้งเต็นท์เจ้าหน้าที่ทหารรักษาการณ์บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าศาลอาญา และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอีก 1 ชุด ที่ตั้งบังเกอร์รักษาการณ์ตั้งอยู่ที่ปากซอยรัชดาภิเษก 32 ฝั่งตรงข้ามศาลอาญา ขณะที่ภายในบริเวณศาลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตรวจตรารถยนต์และบุคคลที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด โดยมีตรวจค้นรถยนต์ที่เข้ามาภายในศาลทุกคันพร้อมใช้กระจกส่งใต้ท้องรถเพื่อตรวจหาวัตถุระเบิด รวมทั้งห้ามจักรยานยนต์รับจ้างและรถแท็กซี่รับจ้างเข้ามาจอดภายในศาล ส่วนประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการศาลจะมีการตรวจค้นตัวและกระเป๋าอย่างละเอียด
นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนทำ แต่การมายิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ศาล ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ซึ่งก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลอาญามากขึ้น รับทั้งได้มีเจ้าหน้าที่ทหารมาตั้งจุดประจำหน้าศาลอาญา ส่วนศาลแพ่งก็คงจะมาตรการที่เข้มงวดเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การพิพากษาพิจารณาคดีของศาลอาญา เป็นไปตามพยานหลักฐาน เที่ยงตรงและมีความยุติธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพิพากษาคดีแต่อย่างใด และการใช้ชีวิตของตนและผู้พิพากษาก็ยังเป็นไปตามปกติ เพราะผู้พิพากษาทำตามหน้าที่ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ความวุ่นวายขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และเกิดความสูญเสียมีคนตายทุกวัน ซึ่งไม่คุ้มกันและไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ใดเลย เห็นว่าหากสามารถประนีประนอมกันได้ ก็ควรทำ
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าพบนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ชั้น 12 อาคารศาลอาญาด้วย เพื่อหารือเรื่องคดียิงระเบิดเอ็ม 79 และมาตรการรักษาความปลอดภัย
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้มารายงานความคืบหน้าของคดีลอบยิงเอ็ม 79 ที่ศาลอาญาและคดีพบวัตถุต้องสงสัยเป็นวัตถุระเบิดที่ศาลแพ่ง อยู่ระหว่างดูจากภาพทีวีวงจรปิดและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารสถานที่ หาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น รวมทั้งพูดถึงกรณีมีการโพสต์ข้อความที่ไม่สมควรทำนองชี้ชวนให้มีการกระทำความผิด ในส่วนการขออารักขาผู้พิพากษาเป็นรายบุคคลยังไม่มีขอเข้ามาเป็นพิเศษ ขณะนี้ตำรวจได้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราถนนรัชดา43 อย่างละเอียด โดยมีการตั้งด่านตรวจตลอด 24 ชั่วโมง และดูว่ายังมีจุดเสี่ยงตรงไหนบ้างมีการดูจากแผนที่ทางอากาศ เฝ้าสังเกตจุดที่อาจจะใช้เป็นที่ยิงเครื่องยิงลูกระเบิด ส่วนเรื่องที่มีทหารมาเฝ้าหน้าศาลนั้น ตำรวจก็มีการตั้งจุดตรวจด้วย ขณะนี้ยังไม่มีขอกำลังตำรวจไปดูแลผู้พิพากษา แต่ถ้าขอมาก็พร้อมที่จะดำเนินการให้
เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้คัดค้านคำพิพากษาศาลแพ่ง ที่วางกฎเหล็ก 9 ข้อ ห้าม ศรส.สลายการชุมนุม ประมาณ 30 คน นำป้ายข้อความ “เที่ยงตรง เที่ยงธรรม นำความสุข ไม่เที่ยงตรง ไม่เที่ยงธรรม นำกลียุค” และข้อความอื่นๆ มาแสดงพลังคัดค้าน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง สำหรับการมาแสดงพลังครั้งนี้ไม่มีแกนนำชัดเจน โดยผู้มาร่วมคัดค้านอ้างว่าไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพียงแต่ต้องการให้ศาลมีการพิจารณาคดีด้วยความเที่ยงธรรม ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยของศาลแพ่ง เจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูทางเข้าออกศาลแพ่ง พร้อมนำรั้วเหล็กมากั้นบริเวณทางเดินบันไดหน้าศาลแพ่ง เพื่อกันไม่ให้บุคคลที่จะมาแสดงพลังเข้ามาในบริเวณศาลแพ่ง จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเดินทางกลับ
ขณะที่ผู้ชุมนุมดังกล่าวอ้างการรวมกลุ่มกันเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาล เพื่อให้ศาลมีความ เที่ยงธรรม โดยผู้ชุมนุมที่มาในวันนี้มีหลากหลายกลุ่ม บางส่วนปฏิเสธว่าไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดง แต่มาเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลแพ่งก็ยังคงได้บันทึกภาพบุคคลและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ เหมือนเมื่อวันที่ 21-22 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มไฮโซเสื้อแดง และกลุ่มที่เคยมารวมตัวเผาพริกเผาเกลือเพื่อคัดค้านคำพิพากษาศาลแพ่ง