xs
xsm
sm
md
lg

ป.รวบผัวเมียแสบตุ๋นขายไอโฟน 5 เหยื่อสูญ 66 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ผู้เสียหายชี้ตัว
กองปราบปรามติดตามนจับกุมสองสามีภรรยาตามหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลังลวงผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุนซื้อไอโฟน 5 มานขายยต่อ ตกเบ็ดขายส่งให้เหยื่อเครื่องละ 12,000 บาท ไปขายต่อได้กำไรกว่า 8 พัน ชวนเพื่อนมาร่วมซื้อต่อจำนวนหลายเครื่อง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 66 ล้านบาทแล้วเชิดหาย



วันนี้ (17 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.ทรงพันธุ์ กุลดิลก ร.ต.อ.สิรวิชญ์ มหัทธนวิศิษฎ์ รอง สว.กก.1 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายมนัส โชติขัน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/150 ซอยนวลจันทร์ 56 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และ น.ส.บุศรินทร์ ยีโหนด อายุ 31 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 1052/3 ถนนเพนียด ต.คลัง อ.เมือง นครศรีธรรมราช สองสามีภรรยา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 221 และ 222/2557 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จับกุมได้ที่หน้าร้านคาร์แคร์ “แซดแอนด์ดับบลิว” เลขที่ 39 ซอยโชคชัย 4 แยก 63 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2556 - 24 มกราคม 2557 ผู้ต้องหาได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 5 ไอแพดมินิ และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ อาทิ กระเป๋าผู้หญิง โดยอ้างว่าสามารถหาซื้อมาได้ในราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาด หากนำไปขายต่อจะทำกำไรได้เป็นเท่าตัว โดยมีผู้เสียหายกว่า 30 ราย หลงเชื่อสั่งซื้อสินค้าและโอนเงินให้ผู้ต้องหาผ่านทางบัญชีเงินฝากธนาคาร 2 บัญชี สร้างความเสียหายเป็นเงินกว่า 66 ล้านบาท

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายมนัสจะเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคาร 2 บัญชี เพื่อรอรับการโอนเงินจากผู้เสียหายเข้ามา ก่อนจะนำเงินไปหมุนเวียนซื้อสินค้า ก่อนจะนำมาหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลโดยประสานกับทางธนารคารเจ้าของบัญชี เพื่อตรวจสอบยอดเงินและความเคลื่อนไหวของบัญชีดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหายในรายที่โทรศัพท์มาสอบถาม โดยอ้างว่ามีปืนบ้าง หรือจะว่าจ้างมือปืนทำร้ายบ้าง

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) พนักงานบริษัทเอกชน หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2556 ได้รู้จักกับผู้ต้องหาผ่านเพื่อนที่ติดต่อซื้อขายโทรศัพท์ไอโฟน กันแล้ว สามารถนำไปขายทำกำไรได้จริง ซึ่งแม้ว่าตนจะทำงานประจำอยู่แล้ว แต่ก็อยากหารายได้เสริมจึงทดลองสั่งซื้อโทรศัพท์ไอโฟน ครั้งแรกจำนวน 5 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 12,000 บาท ก่อนจะโอนเงินให้กับผู้ต้องหา จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์แล้วนำไปขายต่อในราคา 20,000-21,000 บาท ได้กำไรต่อเครื่องประมาณ 8,000 บาท โดยราคาดังกล่าวก็ยังเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดอยู่ เมื่อเห็นว่าได้กำไรจริงก็ชักชวนเพื่อนมาร่วมลงทุนด้วย พร้อมทั้งสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นโดยที่ผ่านมาก็จะได้รับสินค้าไปขาย

น.ส.เอกล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2556 ก็จะเริ่มได้รับสินค้าไม่ครบจำนวน แม้ว่าจะโอนเงินไปให้ผู้ต้องหาแล้ว เมื่อพยายามทวงถามก็จะได้รับคำตอบว่ามีปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นเพียงการกล่าวอ้างเพื่อบ่ายเบี่ยง จนที่สุดตนก็ไม่ได้รับสินค้าอีกเลย โดยสูญเสียเงินไปกว่า 24 ล้านบาท เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงจึงหาข้อมูลของผู้ต้องหากระทั่งพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน กระทั่งพากันเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสอง

ด้านนายณัฐพสิษฐ์ ชาญจรูญจิต อายุ 35 ปี ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ร่วมลงทุนซื้อสินค้าดังกล่าวมาขายต่อได้ประมาณ 1 เดือน โดยรู้จักกับผู้ต้องหาผ่านเพื่อนที่ชักชวนให้ลงทุน เพราะเห็นว่าได้กำไรดี กระทั่งพบว่าผู้ต้องหาได้หลอกลวงให้โอนเงินไป ทำให้ได้รับความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ทั้งนี้ ตนอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีและให้ผู้ต้องหาจ่ายเงินคืนให้ผู้ที่หลงเชื่อโดยเร็ว เพราะทุกคนเดือดร้อนกันมาก


ตำรวจกองปราบจับกุมผู้ต้องหามาแถลงข่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น