“อดุลย์” สั่งตำรวจเตรียมพร้อมรับมือ กปปส.ยกระดับการชุมนุมในวันที่ 14 -16 ก.พ.นี้ ด้านรองโฆษก สตช.แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมรายวัน ชี้คดีที่มีผลต่อรัฐลดน้อยลงในช่วง 1-10 ก.พ.นี้
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช. พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก สตช.กล่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมว่า ฝ่ายสันติบาลได้รายงานสถานการณ์การชุมนุมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลให้ทุกหน่วยได้รับทราบ ยังคงมีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ กทม. คือ อนุสาวรีย์ฯ, ทำเนียบรัฐบาล และแยก จปร.รวมทั้งเวทีหลักของ กปปส.ที่แจ้งวัฒนะ, ปทุมวัน, ราชประสงค์, ศาลาแดง และอโศก ส่วนการที่ปิดสถานที่ราชการ ก็มีอยู่ที่ศูนย์ราชการ, กระทรวงพลังงาน, กรมขนส่งทางบก, กระทรวงมหาดไทย และบางส่วนที่กระทรวงพาณิชย์
ส่วนการยกระดับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่แจ้งว่า จะมีการยกระดับของการชุมนุม โดยใช้ชื่อว่า “บอกรักประเทศไทย” ในวันที่ 14-16 ก.พ.57 จากการตรวจสอบเป็นการยกระดับครั้งที่ 6 ของ กปปส.ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ต่างๆ ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
ด้านด่านตรวจความมั่นคง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง เมื่อเวลาประมาณ 00.40 น.นายทวีศักดิ์ ปล้นจันทร์ อายุ 48 ปี ขับขี่รถยนต์ผ่านด่านตรวจ พบ อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุนปืน 15 นัด และซองแม็กกาซีน 2 อัน จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และพกพาอาวุธปืนไปในเขตหมู่บ้านหรือเมือง รวมทั้งกระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงได้นำตัวส่ง สน.มักกะสัน ให้ดำเนินคดีต่อไป
ขณะนี้มีกลุ่มมวลชน 2 กลุ่ม เคลื่อนไหวอยู่บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน มวลชนประมาณ 500 คน เพื่อเรียกร้องขอพื้นที่กระทรวงมหาดไทยคืน ซึ่งสถานการณ์ยังไม่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างมวลชน และกลุ่มประชาชนที่แจ้งว่าได้รับความเดือดร้อนจากกรณีมีการชุมนุมบริเวณกระทรวงพลังงาน ส่วนใหญ่เป็นแม่ค้าที่ขายของบริเวณดังกล่าวประมาณ 100 คน ไปชุมนุมอยู่บริเวณหน้า ศรส.ซึ่งล่าสุด พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ ศรส.ได้ออกมารับหนังสือรับทราบเงื่อนไขความเดือดร้อนและจะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อนุชา กล่าวถึงสถานภาพอาชญากรรม โดยผลการรับแจ้งและผลการจับกุมคดีต่างๆ พบว่าในช่วงวันที่ 1-10 ก.พ.ที่ผ่านมา คดีกลุ่มที่ 1-4 มีการรับแจ้งลดลง โดยเฉพาะคดีกลุ่มที่ 5 ซึ่งเป็นคดีความผิดต่อรัฐมีผลการจับกุมลดลง ส่วนคดีอาวุธปืน คดียาเสพติด มีผลการจับกุมที่ลดลงเช่นกัน ขณะที่ภาพรวมคดีประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายโดยเฉพาะคดีฆ่าผู้อื่นยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งกลุ่มจังหวัดเหล่านี้เป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์ด้านความมั่นคงรวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาชญากรรมสูงขึ้น ส่วนความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เกิดมากในพื้นที่กทม.และพื้นที่ปริมณฑล เนื่องจากมีประชาชนอยู่หนาแน่น ส่วนคดีที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกับร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ โดยมีการเกิดขึ้นกับธนาคาร 1 แห่ง ร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง ยังจับตัวผู้กระทำความผิดไม่ได้ กรณีดังกล่าว ผบ.ตร.ได้กำชับในที่ประชุมให้แต่ละหน่วยเร่งรัดดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรม และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยเฉพาะให้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีที่มีร้านค้าของเก่าที่กระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ในเรื่องของการปล่อยปละละเลยเกี่ยวกับเรื่องอบายมุข บ่อนการพนันต่างๆ แม้ว่าช่วงนี้จะมีสถานการณ์การชุมนุมก็ตาม ได้กำชับให่เร่งรัดติดตามและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการค้ามนุษย์ให้เข้มงวดกวดขันอย่าให้มีในพื้นที่