ผบ.ตร.ซักซ้อมทำความเข้าใจ รับมือการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ประเมินจะมีการขัดขวางสถานที่เก็บบัตรและหีบเลือกตั้ง รุนแรงในหลายพื้นที่ทั้ง กทม. สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ และ 14 จังวัดภาคใต้ หลีกเลี่ยงเผชิญหน้า บันทึกภาพเป็นหลักฐานดำเนินคดีในภายหลัง
วันนี้ (31 ม.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้บัญชาการ (ผบช.) ทุกกองบัญชาการ ผู้บังคับการ (ผบก.) หน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ร่วมประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม ซักซ้อมทำความเข้าใจเพื่อรับมือดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย พร้อมที่สุดในการรับมือกับปัญหา หลังจากการข่าวพบว่าจะมีการขัดขวางการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
“วันนี้ประเมินสถานการณ์ร่วมกันตรวจสอบความพร้อมของทุกหน่วยในการดูแลการเลือกตั้ง โดยหน่วยที่น่าห่วงว่าจะมีการขัดขวางคือหน่วยเลือกตั้งใน กทม. จ.สมุทรสงคราม และจ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รวมถึงหลายจังหวัดในพื้นที่ บช.ภ.8-9 เช่น จ.สงขลา พัทลุง ตรัง ทั้งนี้ประเมินว่าจะมีการขัดขวางตั้งแต่สถานที่เก็บบัตรและหีบเลือกตั้ง รวมทั้งการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง ที่ห่วงใยคือการเผชิญหน้ากันของประชาชนที่ขัดขวางกับคนที่อยากเลือกตั้ง รวมทั้งการเผชิญหน้ากันของกลุ่มหัวรุนแรง วันนี้จึงให้แนวทางปฏิบัติไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า การรับมือการเผชิญหน้า และขัดขวางการเข้าหน่วยเลือกตั้งเราจะเน้นการเจรจา พูดคุยก่อนให้เปิดทาง และดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่ขัดขวางโดยบันทึกภาพเป็นหลักฐานเพื่อใช้ดำเนินคดี ทั้งนี้ตำรวจจะใช้ดุลพินิจพิจารณาตามสถานการณ์ว่าบางกรณีอาจต้องดำเนินคดีภายหลัง แต่บางกรณีก็ต้องบังคับใช้กฎหมายทันที ซึ่งต้องใช้ดุลพินิจพอสมควรเพื่อประคับประคองสถานการณ์ ต้องดูว่าหากมวลชนมากก็เก็บหลักฐานไว้ดำเนินคดีภายหลัง
“ยืนยันภารกิจของตำรวจจะต้องอำนวยความสะดวก ดูแลความเรียบร้อยของการเลือกตั้งและการจราจร ในวันที่ 2 ก.พ.จะมีทั้งกำลังตำรวจทั่วประเทศกว่าแสนสามหมื่นนายและทหารจำนวนหนึ่งซึ่งในส่วนของทหารจะช่วยเรื่องการตั้งจุดตรวจ และด้านเผชิญเหตุต่างๆ” ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ จ.สงขลา นครศรีธรรมราช ชุมพร ฯลฯ ยังไม่สามารถขนส่งบัตรเลือกตั้งเข้าพื้นที่ได้ พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ได้ประสานกองทัพภาคที่ 4 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อเจรจาแล้ว ในกรณีที่ตำรวจจะเข้าพื้นที่ได้หรือไม่ก็ต้องแก้ไขเป็นรายกรณีไป ในส่วนที่มีผู้ชุมนุมปักหลักปิดกั้นทางเข้าออกหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้แล้วนั้นทางพื้นที่มีขั้นตอนในการดำเนินการต้องพยายามเปิดพื้นที่ให้ได้ อย่างไรก็ตาม พยายามไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเช่นวันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สำหรับหน่วยเลือกตั้งที่มีบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ได้วางกำลังเพิ่มเป็นพิเศษแล้ว
ขณะที่มีรายงานจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ตร.ว่า ตั้งแต่วันนี้ทางทบ. ทอ.และ ทร. ได้จัดกำลังสนับสนุนเพื่อรองรับความล่อแหลมต่อสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มมวลชนที่มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน รวมทั้งบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี โดยจัดกำลังเป็น 2 ส่วนส่วนที่ 1 เป็นชุดเคลื่อนที่รับผิดชอบสนับสนุนภารกิจของ ศรส.ในพื้นที่ กทม. นนทบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่วนที่ 2 เป็นสายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็วลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยกำลังดังกล่าวจะเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่เวลา 15.00 น.ของวันนี้
ขณะที่มีรายงานว่ามีการใช้กำลังทหาร 47 กองร้อยร่วมกับตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยเลือกตั้งจนไม่สามารถเข้าใช้สิทธิได้เข้าแจ้งความเฉพาะที่กองบังคับการปราบปรามแล้วทั้งสิ้น 1,135 ราย